หากพูดถึงกลุ่มคนวัยทองและผู้สูงอายุที่มีอายุยาวมากกว่า 80 ปี นอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ประเทศจีนก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีผู้คนอายุยืนไม่แพ้กัน
“วัยทอง” เป็นอีกหนึ่งช่วงของชีวิตที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องพบเจอ โดยเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนลดลงในช่วงอายุระหว่าง 45 – 55 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดแค่ในผู้หญิงวัยทองเท่านั้น แต่ผู้ชายวัยทอง (05/12) ก็สามารถพบเจอได้เช่นเดียวกัน
แต่การแพทย์แผนจีนมองว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านั้น เพราะเกี่ยวข้องกับพลังงานหลักในร่างกายที่เรียกว่า “หยิน” และ “หยาง” และเพื่อให้คนผู้อ่านเข้าใจหยินและหยางให้ง่ายขึ้น อยากให้ลองนึกถึงว่าร่างกายของเราเหมือนบ้านหลังหนึ่ง ที่ต้องมีทั้งระบบทำความเย็น (หยิน) และระบบทำความร้อน (หยาง) ทำงานร่วมกัน ถ้าระบบใดระบบหนึ่งมีปัญหา อีกระบบก็จะทำงานหนักเกินไป ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา
หยิน (陰) คือ ระบบทำความเย็นที่หล่อเลี้ยงและรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกาย มีหน้าที่…
- ช่วยให้ร่างกายเย็นลง เมื่อร่างกายร้อนเกินไป
- รักษาความชุ่มชื้นในร่างกาย เช่น น้ำในข้อต่อ น้ำในกระดูก
- ทำให้นอนหลับสบาย
- ช่วยให้จิตใจสงบ ไม่วอกแวกง่าย
หยาง (陽) คือ ระบบทำความร้อนของร่างกาย มีหน้าที่…
- การเผาผลาญอาหารและการสร้างพลังงาน
- การทำงานของกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว
- การรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่น
- ความกระตือรือร้นและพลังชีวิต
- การทำงานของระบบประสาท
ในปรัชญาจีนโบราณ หยินและหยางไม่ใช่เพียงแค่แนวคิดทางการแพทย์ แต่เป็นหลักการพื้นฐานที่อธิบายการทำงานของจักรวาลทั้งมวล โดยคุณผู้อ่านสามารถเห็นหยินหยางได้ในทุกที่รอบตัว เช่น กลางวัน (หยาง) และกลางคืน (หยิน), ความร้อน (หยาง) และความเย็น (หยิน), การเคลื่อนไหว (หยาง) และการพัก (หยิน) และเมื่อหยินและหยางไม่สมดุล อาการที่พบบ่อยในวัยทองก็จะ
เมื่อ หยิน (陰) น้อยเกินไป
- รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
- เหงื่อออกมากตอนนอน จนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
- นอนไม่หลับ พลิกไปพลิกมา
- หงุดหงิดง่าย อารมณ์เสียบ่อย
- ปากแห้ง คอแห้ง ต้องดื่มน้ำบ่อย
เมื่อ หยาง (陽) น้อยเกินไป
- หนาวง่าย แม้อากาศไม่เย็นมาก
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง แม้นอนเยอะ
- ปวดตามข้อ โดยเฉพาะเวลาอากาศเย็น
- ขาบวม มือบวม โดยเฉพาะตอนเช้า
- รู้สึกเศร้า ไม่อยากทำอะไร
ศาสตร์การแพทย์แผนจีนเพื่อสุขภาพวัยทอง
- การบำรุงไต
การบำรุงไตตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากไตถือเป็น “รากฐานที่เก็บสะสมสารจิงอันเป็นแก่นแท้ของพลังชีวิต ในช่วงวัยทอง สารจิงจะเริ่มเสื่อมถอยตามธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย ปวดหลัง เข่าอ่อนแรง นอนไม่หลับ และมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ การบำรุงไตตามแนวทางการแพทย์แผนจีนแบ่งออกเป็นสองด้านหลัก คือ การบำรุงหยินของไต (Kidney Yin) และการบำรุงหยางของไต (Kidney Yang)
อาหารสีดำ หรือสีเข้ม มีความสัมพันธ์กับธาตุน้ำและไตตามทฤษฎีห้าธาตุ
- งาดำ มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยบำรุงอินของไตและตับ เสริมสร้างเลือดและความชุ่มชื้น
- ถั่วดำ มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยขับความชื้น บำรุงไต และเสริมสร้างเลือด
- เห็ดหูหนูดำ มีคุณสมบัติเย็นเล็กน้อย ช่วยบำรุงอินของไต เพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงเลือด
- สาหร่ายทะเล อุดมด้วยแร่ธาตุ ช่วยบำรุงไตและเสริมสร้างสารจิง
อาหารประเภทอื่นที่ช่วยบำรุงไต
- เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อแพะ เนื้อแกะ และไตหมู มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยเสริมหยางของไต
- ไข่ โดยเฉพาะไข่เป็ด ช่วยบำรุงอินและเพิ่มความชุ่มชื้น
- ถั่วเหลือง มีคุณสมบัติเย็นเล็กน้อย ช่วยบำรุงอินและเสริมสร้างสารอาหาร
- ธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย ช่วยเสริมสร้างพลังชี่และบำรุงม้าม ซึ่งส่งผลดีต่อการทำงานของไต
การดื่มน้ำสมุนไพรบำรุงไตจากสมุนไพรจีน
- โสมจีน มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยเสริมพลังชี่ดั้งเดิมและบำรุงหยางของไต
- ตังกุย ช่วยบำรุงเลือดและปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งสัมพันธ์กับการทำงานของไต
- เก๋ากี้ มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยบำรุงอินของไตและตับ เสริมสร้างสายตา
- พุทราจีน ช่วยบำรุงเลือดและชี่ของม้าม ซึ่งสนับสนุนการทำงานของไต
- อู่จี่จื่อ ช่วยเก็บกักสารจิง บำรุงไต และปรับสมดุลของอินและหยาง
- การสร้างสมดุลของหยินและหยางด้วยการดูแลจิตใจ
การสร้างสมดุลของหยินและหยางตามศาสตร์การแพทย์แผนจีนเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี โดยเฉพาะในช่วงวัยทอง ลองนึกภาพว่าร่างกายของเราเหมือนกับการรักษาสมดุลระหว่างน้ำ (หยิน) และไฟ (หยาง) เมื่อเข้าสู่วัยทอง น้ำในร่างกายจะค่อยๆ ลดลง ทำให้ไฟมีกำลังมากเกินไป จึงเกิดอาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร้อน เช่น อาการร้อนวูบวาบ ร้อนใน นอนไม่หลับ เหงื่อออกกลางคืน
การฝึกสมาธิแบบจีนและชี่กงช่วยปรับสมดุลพลังงาน
- การหายใจลึกและช้า ช่วยให้จิตใจสงบ ลดความร้อนในร่างกาย
- การเคลื่อนไหวช้าๆ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและชี่อย่างนุ่มนวล
- การจดจ่อกับลมหายใจ ช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุของความร้อนในร่างกาย
- การฝึกท่าทางที่สมดุล ช่วยกระจายพลังงานไปทั่วร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
ประโยชน์จากการปฏิบัติสมาธิ
- การนั่งสมาธิแบบจีน ช่วยสงบจิตใจ ลดความเครียด
- การฝึกลมหายใจลึก เพิ่มออกซิเจนในเลือด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- การรำมวยจีน ช่วยฝึกสมาธิผ่านการเคลื่อนไหว
3. อาหารบำรุงสุขภาพตามศาสตร์จีน
ตามหลักการแพทย์แผนจีน อาหารไม่ได้เป็นเพียงแค่แหล่งของสารอาหาร แต่ยังเป็นยาชั้นดีที่ช่วยปรับสมดุลและบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง การเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมแก่วัยทอง พร้อมหลีกเลี่ยงอาหารต้องห้าม(03/12) จึงเสมือนเป็นการรักษาและป้องกันโรคไปพร้อมกัน
เนื้อสัตว์แดง ในมุมมองของแพทย์แผนจีน เนื้อสัตว์แดงมีคุณสมบัติอุ่นและรสหวาน ช่วยบำรุงเลือดและเสริมพลังชี่ได้อย่างดี
- เนื้อวัว มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร เสริมสร้างเลือดและชี่
- เนื้อแก มีคุณสมบัติอุ่นมาก ช่วยบำรุงไตและเพิ่มพลังหยาง เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกเย็นง่าย
- เนื้อม้า มีคุณสมบัติอุ่นปานกลาง ช่วยบำรุงตับและเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการซีดหรืออ่อนเพลีย
ไข่แดง ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน มีคุณสมบัติอุ่นเล็กน้อยและมีรสหวาน เป็นอาหารที่ช่วยบำรุงเลือดและสารจิงของไตได้ดี
- ไข่เป็ด มีคุณสมบัติเย็นเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการร้อนใน
- ไข่ไก่ มีคุณสมบัติสมดุล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงเลือดทั่วไป
- ไข่นกกระทา มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยบำรุงไตและเพิ่มพลังหยาง
ธัญพืช มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างพลังชี่และบำรุงม้าม ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเลือดและพลังงานหลังกำเนิด
- ข้าวกล้อง มีคุณสมบัติอุ่นเล็กน้อย ช่วยบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร
- ลูกเดือย มีคุณสมบัติเย็นเล็กน้อย ช่วยขับความชื้น บำรุงม้าม
- ถั่วแดง มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยบำรุงเลือดและขับของเสีย
- ถั่วดำ มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยบำรุงไตและเลือด
- ถั่วเขียว มีคุณสมบัติเย็น ช่วยขับความร้อน เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการร้อนใน
ผักใบเขียวเข้ม ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน ผักใบเขียวเข้มมักมีคุณสมบัติเย็นและช่วยสร้างเลือด
- ผักคะน้า มีคุณสมบัติเย็นเล็กน้อย ช่วยบำรุงเลือดและขับความร้อน
- ผักโขม มีคุณสมบัติเย็น ช่วยบำรุงเลือดและความชุ่มชื้น
- ผักบุ้ง มีคุณสมบัติเย็น ช่วยขับความร้อนและบำรุงเลือด
- ใบตำลึง มีคุณสมบัติเย็น ช่วยขับพิษร้อนและบำรุงเลือด
4. สมุนไพรจีนสำหรับวัยทอง
สมุนไพรจีนสำหรับวัยทองมีความสำคัญอย่างมากในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากช่วยปรับสมดุลร่างกายในหลายมิติพร้อมกัน ทั้งการบำรุงพลังชี่ เลือด และการปรับสมดุลฮอร์โมน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในช่วงที่ร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง โดยเรามีสมุนไพรจีน (16/01/68) มาแนะนำให้ ดังนี้
- โสมจีน
ถือเป็น “ราชาแห่งสมุนไพร” ในตำรายาจีน มีคุณสมบัติอุ่นและหวาน ช่วยเสริมพลังชี่ดั้งเดิม ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐานที่ติดตัวมาแต่กำเนิด นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงปอดและม้าม ทำให้ระบบย่อยอาหารและการหายใจแข็งแรง เหมาะสำหรับผู้ที่อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หรือมีอาการหายใจสั้น
- ตังกุย
เป็นสมุนไพรสำคัญสำหรับผู้หญิง มีชื่อเรียกว่า “สมุนไพรของสตรี” มีคุณสมบัติอุ่นและหวาน ช่วยบำรุงเลือด ปรับการไหลเวียน และช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน โดยเฉพาะในช่วงวัยทองที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ตังกุยจะช่วยปรับสมดุลและลดอาการไม่สบายต่างๆ
- เก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่
มีรสหวานและคุณสมบัติอุ่นเล็กน้อย ช่วยบำรุงตับและไต ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการเก็บสะสมสารจิง อันเป็นแก่นแท้ของชีวิต นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างเลือด และชะลอความเสื่อมของร่างกาย
- อู่จี่จื่อ หรือ เฉียนจื่อ
มีรสเปรี้ยวและหวาน ช่วยเก็บกักสารจิงของไต เสริมสมรรถภาพทางเพศ และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ ใจสั่น หรือเหงื่อออกง่ายในช่วงวัยทอง
การใช้สมุนไพรจีนควรคำนึงถึงหลักสำคัญ ดังนี้
- ควรปรึกษาแพทย์แผนจีนก่อนใช้สมุนไพร เพื่อให้ได้ตำรับที่เหมาะสมกับอาการและสภาพร่างกายของแต่ละคน
- ไม่ควรใช้สมุนไพรในปริมาณมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
- ควรสังเกตอาการหลังใช้สมุนไพร หากมีอาการผิดปกติควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์
- การใช้สมุนไพรควรทำควบคู่กับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม เช่น การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
วิธีดูแลตัวเองง่ายๆ ในวัยทอง ตามแบบฉบับคนจีน
- การรับประทานอาหาร
การรับประทานอาหารในช่วงวัยทองมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการสารอาหารที่เหมาะสมเพื่อรักษาสมดุล ซึ่งแพทย์แผนจีนได้แบ่งวิธีการรับประทานอาหารตามอาการที่พบ เพื่อให้การดูแลสุขภาพมีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นการมองภาพรวมของชีวิตและปรับสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ
สำหรับผู้ที่มีอาการร้อนวูบวาบ (ภาวะหยินพร่อง)
การเลือกรับประทานผักใบเขียวผักใบเขียวมีความสำคัญเพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกายและมีฤทธิ์เย็น แนะนำให้วัยทองเลือกรับประทาน
- ผักกาดขาว อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยลดความร้อนในร่างกาย
- ผักบุ้ง มีสรรพคุณในการเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้ร่างกายเย็นลง
- ผักกวางตุ้ง มีฤทธิ์เย็น ช่วยดับความร้อนในร่างกายได้ดี
ผลไม้ที่มีน้ำมากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความร้อนในร่างกาย
- แตงโม เป็นผลไม้ที่มีน้ำมาก ช่วยดับกระหาย ลดความร้อน
- ส้ม อุดมด้วยวิตามินซี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
- สาลี่ มีฤทธิ์เย็น ช่วยลดความร้อนและเพิ่มความชุ่มชื้น
การดื่มน้ำที่ถูกต้อง
- ดื่มน้ำอุ่นอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- ควรดื่มทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง ดีกว่าดื่มครั้งละมากๆ
- ดื่มน้ำก่อนนอนพอประมาณ เพื่อไม่ให้ต้องตื่นปัสสาวะกลางดึก
สำหรับผู้ที่มีอาการหนาวง่าย (ภาวะหยางพร่อง) ให้เลือกรับประทานอาหารที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
- แนะนำให้ทานอาหารที่ผ่านการปรุงสุก และยังอุ่นอยู่ในขณะที่รับประทาน
- เลือกวิธีการปรุงแบบต้ม ตุ๋น หรือนึ่ง เพื่อสร้างความร้อนให้แก่อาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารดิบ หรือเย็นจัด
เครื่องเทศและสมุนไพรก็ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้เช่นกัน
- ขิง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย
- พริกไทย กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
- กระเทียม ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ให้ความอบอุ่น
*อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับวัยทอง
- อาหารทอด เพราะเพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกาย
- อาหารมัน ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักจากการขับสารต่างๆ
- อาหารรสจัด กระตุ้นให้เกิดความร้อนในร่างกาย สังเกตได้จากอาหารที่เผ็ด
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ร้อนใน เพิ่มอาการร้อนวูบวาบ
- กาแฟ กระตุ้นประสาท ทำให้นอนไม่หลับ หากจะต้องทานจริงๆ ควรทานก่อน 14.00 น.
- การออกกำลังกายที่เหมาะกับวัยทอง
การแพทย์แผนจีนเน้นการออกกำลังกายที่นุ่มนวล ต่อเนื่อง และเหมาะสมกับสภาพร่างกาย เพื่อช่วยรักษาสมดุลและเสริมสร้างสุขภาพที่ดี
การฝึกไท่เก๊กและชี่กง
ไท่เก๊กและชี่กงเป็นการออกกำลังกายแบบจีนโบราณที่เหมาะกับวัยทองและผู้สูงวัยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่นุมนวล
- เป็นการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล ไม่กระแทก จึงปลอดภัยต่อข้อต่อและกระดูก
- ช่วยฝึกการทรงตัว ลดความเสี่ยงการหกล้ม
- ฝึกการหายใจที่ถูกต้อง ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเต็มที่
- ช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
การเดินออกกำลังกาย
อีกหนึ่งวิธีออกกำลังกายที่ง่ายๆ แต่ได้ประโยชน์มากสำหรับวัยทอง การเดินเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย ปลอดภัย และมีประโยชน์มากมาย สังเกตได้จากคนจีนและคนญี่ปุ่นที่เน้นเดินในชีวิตประจำวัน เพราะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด, เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก, ช่วยควบคุมน้ำหนัก และที่สำคัญลดความเครียด ทำให้นอนหลับไดดีขึ้น
คำแนะนำการเดินออกกำลังกายสำหรับวัยทอง
- เดินช่วงเช้าหรือเย็น เพราะอากาศไม่ร้อนเกินไป
- เริ่มจากเดินช้าๆ 10-15 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 30 นาที
- สวมรองเท้าที่สบาย รองรับอุ้งเท้าได้ดี
- พกน้ำดื่มติดตัว และดื่มน้ำระหว่างเดิน
ลักษณะการออกกำลังกายที่วัยทองควรหลีกเลี่ยง
- มีแรงกระแทกสูง เช่น วิ่งเร็ว กระโดดเชือก
- ใช้แรงมากเกินไป เช่น ยกน้ำหนักหนัก
- มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสูง
- ทำให้หัวใจเต้นเร็วเกินไป
- การพักผ่อนที่ถูกต้อง
- เข้านอนก่อน 23.00 น. เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองดีที่สุด
ตามหลักแพทย์แผนจีน ร่างกายของเรามีการทำงานเป็นวงจรตามเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งแต่ละช่วงเวลาจะมีอวัยวะที่ทำงานหนักแตกต่างกันไป การเข้านอนก่อน 23.00 น. มีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อวัยทอง เพราะช่วงเวลา 23.00 – 03.00 น. เป็นช่วงที่ตับทำงานหนักที่สุดในการขจัดสารพิษและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ถ้าเรานอนดึกเกินไป จะทำให้การทำงานของตับไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้น
- ตื่นเช้าพร้อมพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อรับพลังงานใหม่
การตื่นเช้าพร้อมพระอาทิตย์ขึ้น (ประมาณ 05.00 – 06.00 น.) มีประโยชน์มากสำหรับวัยทอง เพราะเป็นช่วงที่มีพลังงานหยางมากที่สุด ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและชี่ (พลังงานชีวิต) ในร่างกาย การได้รับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้ายังช่วยกระตุ้นการผลิตวิตามินดี และปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายด้วย
- ทำสมาธิหรือหายใจลึกๆ วันละ 10-15 นาที
การทำสมาธิและการหายใจลึกๆ วันละ 10-15 นาที เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มพลังชี่ให้กับร่างกาย การหายใจลึกๆ ช้าๆ จะช่วยนวดอวัยวะภายใน กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และช่วยให้จิตใจสงบ ลดความวิตกกังวล ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในวัยทอง
- หลีกเลี่ยงความเครียด หางานอดิเรกที่ชอบทำ
ความเครียดเป็นสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษในวัยทอง เพราะตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน ความเครียดจะไปกระทบการทำงานของตับโดยตรง ทำให้การไหลเวียนของชี่ติดขัด ส่งผลให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย การหางานอดิเรกที่ชื่นชอบทำ เช่น การปลูกต้นไม้ วาดรูป หรือเล่นโยคะ จะช่วยผ่อนคลายความเครียดและทำให้ชี่ไหลเวียนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ ในวัยทองควรระวังเรื่องการรับประทานอาหารด้วย ควรทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรทานดึก และเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อช่วยให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเราขอแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จัก
“ดีเน่ ฟวาโวพลัส” DNAe Flavoplus และ “ดีเน่ แอนโดรพลัส DNAe Andro plus” อาหารเสริมที่ผลิตและจัดทำขึ้นมาเพื่อคนวัยทองโดยเฉพาะ เป็นอีกส่วนที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มอาการต่างๆ ที่คุณอาจพบได้เมื่อเข้าสู่วัยทอง ไม่ว่าจะเป็น อาการร้อนวูบวาบ อาการนอนไม่หลับ อาการอารมณ์แปรปรวนง่าย และอื่นๆ เพียงแค่ 1 แคปซูล คุณผู้อ่านทานมื้อใดก็ได้หลังอาหารที่สะดวก จะพบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีก เราลองมาดูกัน
“ดีเน่ แอนโดรพลัส DNAe Andro plus” อาหารเสริมสำหรับคุณผู้ชาย เพียงทานวันละ 1 แคปซูล หลังอาหารมื้อใดก็ได้ที่สะดวก โดยมีสารสกัดที่สำคัญอย่าง..
- โสมเกาหลี สมุนไพรชั้นสูงที่ช่วยเสริมพลังชี่หยาง และบำรุงพลังชี่ดั้งเดิมของร่างกาย ช่วยฟื้นฟูความอ่อนล้าและเพิ่มพลังชีวิต โดยเฉพาะในช่วงวัยทองที่พลังหยางเริ่มเสื่อมถอย
- ฟีนูกรีก มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยเสริมพลังหยางของไต ซึ่งตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนถือเป็นรากฐานสำคัญของพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ชายวัยทอง
- แอล-อาร์จีนีน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและชี่ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการแพทย์แผนจีนที่เน้นการรักษาสมดุลของการไหลเวียนในร่างกาย
- กระชายดำ มีคุณสมบัติอุ่น ช่วยเสริมพลังหยางของไต เพิ่มการไหลเวียนของชี่ในส่วนล่างของร่างกาย ซึ่งมักอ่อนแอลงในช่วงวัยทอง
- ซิงค์ ช่วยเสริมสร้างจิงเอสเซนส์ของไต ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของความแข็งแรงและพลังทางเพศตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน
- แปะก๊วย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลดอาการวูบวาบร้อนที่มักพบในวัยทอง
- งาดำ มีคุณสมบัติเย็นและชุ่มชื้น ช่วยบำรุงไตและตับ ช่วยสร้างสมดุลให้กับร่างกายในช่วงวัยทอง
“ดีเน่ ฟวาโวพลัส” DNAe Flavoplus ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับคุณผู้หญิง กับสารสกัดเด่นอย่าง “ถั่วเหลือง” ที่นำเข้าจากสเปน มีส่วนช่วยในการลดและแก้อาการร้อนวูบวาบในวัยทองได้ดี เพียงทานครั้งละ 1 แคปซูลหลังมื้ออาหารใดก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสารสกัดตัวอื่นๆ ที่คุณหมอหลายๆ ท่านแนะนำให้ทานในมื้ออาหารสำหรับวัยทองอีก เช่น
- สารสกัดจากถั่วเหลือง มีคุณสมบัติเย็นและชุ่มชื้น ช่วยเสริมหยินในร่างกาย ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน ไฟโตเอสโตรเจนในถั่วเหลืองช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและลดอาการร้อนวูบวาบที่เกิดจากภาวะอินพร่อง
- ตังกุย เป็นสมุนไพรสำคัญในการบำรุงเลือด (Blood Nourishment) และปรับการไหลเวียนของเลือด ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน และอาการต่างๆ ที่เกิดจากการไหลเวียนเลือดไม่ดี ซึ่งพบบ่อยในวัยทอง
- แปะก๊วย นอกจากช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดแล้ว ยังช่วยเสริมความจำและการทำงานของสมอง ซึ่งมักเสื่อมถอยในช่วงวัยทอง ช่วยลดอาการวิงเวียนและความดันโลหิตสูง
- งาดำ ช่วยบำรุงหยินของตับและไต เสริมสร้างเลือด และช่วยให้ผมดกดำ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในวัยทอง
- แครนเบอร์รี่ออร์แกนิค แม้จะไม่ใช่สมุนไพรดั้งเดิมในตำรายาจีน แต่มีคุณสมบัติเย็นและช่วยขับความร้อนออกจากร่างกาย เสริมการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักอ่อนแอลงในวัยทอง
- อินูลิน พรีไบโอติก ช่วยเสริมการทำงานของม้ามตามทฤษฎีแพทย์แผนจีน โดยช่วยในการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหาร ซึ่งสำคัญมากในการสร้างเลือดและชี่ที่มีคุณภาพ
มั่นใจได้กับสารสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ คัดเกรดพรีเมียม ที่มีเลขทะเบียน อย. มีใบวิเคราะห์การันตีสารสกัดนำเข้า มีค่าเปอร์เซนต์สารสำคัญ และไม่ตัดแต่งพันธุกรรม จากการพัฒนาสูตรและคิดค้นโดยทีมเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญจากโรงงานมาตรฐานสากล
สรุป
การดูแลสุขภาพวัยทองแบบจีน เป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมมานาน มีประสิทธิภาพในการช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืน หัวใจสำคัญ คือ การปรับสมดุลร่างกายและจิตใจ ผ่านการรับประทานอาหาร การใช้สมุนไพร การออกกำลังกาย และการดูแลจิตใจ อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเพื่อการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเพราะร่างกายของเราไม่เหมือนกัน แต่เมื่อดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง เราจะแข็งแรงไปพร้อมกันได้อย่างแน่นอน