ต้องเล่าให้คุณผู้ฟังได้ทราบกันก่อนเลยว่า… “วัยทอง” เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาของชีวิตที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในผู้หญิง โดยเฉพาะในด้านฮอร์โมนและระบบต่างๆ ในร่างกาย
สำหรับผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงนี้มักเริ่มต้นในช่วงอายุ 40 – 50 ปี และในส่วนผู้ชายอาจเริ่มสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนนี้ส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายด้าน ทั้งการเผาผลาญ มวลกล้ามเนื้อ ความหนาแน่นของกระดูก สภาพผิวพรรณ และระบบภูมิคุ้มกัน
วัยทองมีอาการอย่างไร?
แล้ววัยทองมีอาการอย่างไร? นี่คงเป็นคำถามที่ผุดเข้ามาในหัวอย่างไวของคุณผู้อ่านเป็นลำดับแรกๆ อย่างแน่นอน ซึ่งต้องบอกว่าการเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้จะมาก หรือจะน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย มาลองหาคำตอบกันว่าวัยทองมีอาการอย่างไรได้บ้างกัน
- อาการร้อนวูบวาบ และเหงื่อออกมาก
อาการร้อนวูบวาบ และเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ทั้งสองอาการนี้นับว่าเป็นอาการที่สัมพันธ์และพบได้บ่อยกับคนที่เข้าสู่วัยทอง ซึ่งจะรู้สึกถึงอาการร้อนเริ่มต้นจากที่ใบหน้า คอ ศรีษะหรือหน้าอก ขณะเดียวกันหัวใจก็อาจเต้นเร็วขึ้นด้วย
ซึ่งทั้ง 2 อาการนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน จึงทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างอาการนอนไม่หลับนั้นเอง ทำให้คุณภาพการนอนหลับเสีย และอาจกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้
- ผิวพรรณ
อีกหนึ่งอาการที่สามารถพบเจอได้ง่าย และเกิดจากการสังเกตของตัวเราได้ ก็คือ เรื่องของผิวพรรณ โดยผิวหนังจะมีความเหี่ยวแห้งและบางลงจนเกิดรอยช้ำได้ง่าย คัน เล็บหักง่าย ผมร่วง หรือบางลง ซึ่งส่วนนี้เป็นผลมาจากการขาดฮอร์โมนเอสโทรเจนและอายุที่มากขึ้นตามวัย ทำให้ร่างกายสูญเสียคอลลาเจนนั้นเอง ใบหน้าก็จะมีริ้วรอย ผิวแห้งง่าย ไม่ชุ่มชื้นเหมือนแต่ก่อนนั้นเอง
- อารมณ์แปรปรวน
หลายคนน่าจะเข้าใจกับอารมณ์แปรปรวนแน่ๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งคำที่คนชอบใช้เมื่อเจอคนที่เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย นี่แหละอาการวัยทอง สามารถพบเจออาการซึมเศร้า อาการกังวล หงุดหงิด กระวนกระวาย นอนไม่หลับ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดจากการที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดความกังวลตามมาก็เป็นได้
- ระบบสืบพันธุ์ที่ทำงานไม่เหมือนเดิม
การขาดฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เกิดอาการฝ่อและการลดลงของเลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศและท่อปัสสาวะน้อยลง อย่างในคุณผู้หญิงอาจเกิดอาการคัน ระคายเคือง หรือแสบร้อนในช่องคลอดและเจ็บเวลามีเพศสัมพันธุ์ หรือในผู้ชายอาจจะเป็นเรื่องของนกเขาไม่ขัน การมีอารมณ์ทางเพศลดน้อยลงนั้นเอง
อาการต่างๆ ที่เราได้นำมาฝากคุณผู้ฟังน่าจะพอช่วยไขกระจ่างได้ไม่มากก็น้อย กับคำถามที่ว่าวัยทองมีอาการอย่างไร? นอกจากอาการที่พบแล้ว…การเข้าสู่วัยทองยังมีเรื่องของโรคต่างๆ เข้ามาให้คุณผู้อ่านต้องใส่ใจมากขึ้น อย่าง
- โรคกระดูกพรุน
เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน ซึ่งผู้ชายก็สามารถเป็นได้เช่นเดียวกัน แต่พบว่าเป็นในผู้หญิงได้มากกว่า ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักง่าย โดยเฉพาะกระดูกสันหลังและกระดูกสะโพก โดยในระยะ 5 ปีแรก หลังหมดประจำเดือนร่างกายจะสูญเสียมวลกระดูกเยอะมาก ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้คุณผู้อ่านทุกท่านดูแลตนเองตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
การขาดฮอร์โมนเอสโทรเจนนั้น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ไขมันในเลือดเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะไขมันเลส ทำให้ไขมันไปเกาะผนังหลอดเสือด และเกิดอาการหลอดเลือดอุดตันทั้งที่หลอดเลือดหัวใจและสมอง ซึ่งยิ่งเข้าวัยทองเร็วเท่าไหร่ ยิ่งมีอัตราเสี่นวเพิ่มมากขึ้นด้วย
เมนูอาหารไทยต้านวัยทอง ชะลอความแก่ สำหรับคนวัย 40 ขึ้นไป
“อาหารไทย” นับเป็นขุมทรัพย์แห่งภูมิปัญญาที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน นอกจากจะรสชาติอร่อยถูกปากทั้งคนไทยและคนต่างชาติแล้ว วัตถุดิบต่างๆ ที่ใส่เข้าไปและด้วยความหลากหลายของสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ทางโภชนาการสูง จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของร่างกายในวัยทองได้เป็นอย่างดี
และแน่นอนว่า…เราไม่พลาดหยิบยกเมนูอาหารไทยที่หาทานได้ง่ายในชีวิตประจำวัน และคาดว่าน่าจะเป็นเมนูยอดฮิตของคุณผู้อ่านแน่นอน เมนูอาหารที่ว่าจะมีเมนูอะไรบ้าง? ช่วยลดอาการวัยทองได้ไหม? และต้านชะลอความแก่ได้จริงรึเปล่า ลองมาค้นหาคำตอบกันเลย
1. ต้มยำปลาคัง
ปลาคังอุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงสมองและหัวใจ เมื่อรวมกับเห็ดที่มีวิตามินดีสูง จะช่วยเสริมการดูดซึมแคลเซียมและบำรุงกระดูก นอกจากนี้สมุนไพรในต้มยำยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและเสริมภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย
2. ยำใบบัวบก
ใบบัวบกมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะสารเอเชียติโคไซด์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับร่างกาย และยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ช่วยบำรุงความจำและระบบประสาท เมื่อทำเป็นยำจะได้วิตามินซีจากมะนาวเพิ่มขึ้นอีก
3. แกงเลียงกุ้งสด
เมนูยอดฮิตสำหรับใครหลายคน อุดมไปด้วยผักหลากชนิดที่ให้วิตามินและแร่ธาตุครบถ้วนแก่ร่างกาย โดยเฉพาะใบตำลึงที่มีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูง และมีเนื้อสัตว์จากกุ้งที่ให้โปรตีนคุณภาพดีและแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและกล้ามเนื้อแก่ร่างกาย
4. พล่ากุ้งย่างใบชะพลู
เมนูนี้มีใบชะพลูซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย กุ้งย่างให้โปรตีนคุณภาพดีและแร่ธาตุสังกะสีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน มีน้ำมะนาวให้รสชาติเปรี้ยวแซ่บแถมมีวิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว
5. แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าว
แค่ชื่อเมนูไม่บอกว่าอร่อยใครจะไปเชื่อ ยิ่งมีคุณประโยชน์จากปลากะพงให้โปรตีนคุณภาพดีและกรดไขมันโอเมก้า-3 เพิ่มเติมท็อปปิ้งด้วยยอดมะพร้าวที่อุดมด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณและระบบภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดี
6. น้ำพริกกะปิผักต้ม
เรียกว่าเป็นเมนูกันตาย และเมนูง่ายๆ แต่โภชนการยกนิ้วโป้ง น้ำพริกกะปิกับผักต้มหลากชนิดให้ใยอาหารสูง ช่วยระบบขับถ่าย กะปินอกจากจะเค็มและรสชาติโดดเด่นแล้ว ยังมีแคลเซียมและวิตามินบี12 ช่วยบำรุงกระดูกและระบบประสาท พริกมีวิตามินซีสูงช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
7. ยำดอกขจร
เมนูง่ายๆ นอกจากอร่อยแล้ว ยังเป็นเมนูช่วงเย็นเบาๆ สบายท้องได้อีก โดยดอกขจรมีสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหารสูง ช่วยระบบขับถ่ายและลดคอเลสเตอรอล เมื่อทำเป็นยำจะได้วิตามินซีจากมะนาวและพริกสด ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาอีก
8. แกงเขียวหวานปลากรายใบชะพลู
เมนูอร่อยที่หาทานได้ง่ายสุดๆ โดยได้ประโยชน์จากปลากรายให้โปรตีนย่อยง่ายและมีไขมันต่ำ กะทิมีกรดลอริกช่วยต้านการอักเสบ ใบชะพลูช่วยลดการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ อร่อยแล้วไม่ซ้ำได้ยังไง
9. ต้มข่าไก่ใบมะขามอ่อน
ข่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกัน ใบมะขามอ่อนมีวิตามินซีสูง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เนื้อไก่ให้โปรตีนคุณภาพดีและกรดอะมิโนจำเป็น
10. แกงป่าปลาดุกใบชะมวง
ใบชะมวงช่วยล้างพิษในร่างกาย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ปลาดุกให้โปรตีนและแคลเซียมสูงจากก้างที่สามารถรับประทานได้ สมุนไพรในแกงป่าช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและเสริมภูมิคุ้มกัน
กินอย่างไร? นอกจากผิวพรรณ แต่ยังเพื่อสุขภาพในวัยทอง
การดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอนั้น นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว การเลือกรับประทานอาหารช่วงเวลาที่เหมาะสมก็มีความสำคัญไม่แพ้กันสำหรับกลุ่มวัยทอง เพราะเมื่อมีอายุที่มากขึ้นแล้ว ร่างกายต่างๆ ย่อมมีการเสื่อมและสึกหรอไปตามเวลา โดยเฉพาะระบบเผาผลาญในร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป
การจัดเวลารับประทานอาหารจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากตามมา เพราะจะส่งผลต่อเรื่องของระบบการดูดซึมสารอาหาร การทำงานของฮอร์โมน และการนอนหลับนั้นเอง แต่จะจัดเวลาอย่างไรบ้างมาลองดูกัน
มื้อเช้า (6:00 – 8:00 น.)
มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหาร หลังจากอดอาหารมาตลอดคืน โดยเราขอแนะนำให้คุณผู้อ่านควรรับประทานอาหารเช้าภายใน 1 ชั่วโมงหลังตื่นนอน เพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงาน และแนะนำเป็นอย่างยิ่งเมื่อตื่นนอนแล้วควรดื่มน้ำอุ่น 1 – 2 แก้วเพื่อกระตุ้นการขับถ่ายและการทำงานของระบบย่อยอาหาร
อาหารมื้อเช้าควรประกอบด้วย
- โปรตีนคุณภาพดี เช่น ไข่ต้ม ปลาทู เต้าหู้
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลเวท
- ผักหรือผลไม้สด เพื่อวิตามินและใยอาหาร
มื้อกลางวัน (12:00 – 13:00 น.)
มื้อกลางวัน ควรจะเป็นมื้ออาหารที่มีสัดส่วนอาหารครบถ้วน โดยใน 1 จานอาหาร ควรจะประกอบเป็น
- ครึ่งจานเป็นผักหลากสี ทั้งผักสดและผักต้ม
- หนึ่งในสี่เป็นโปรตีน เช่น ปลา ไก่ ไข่
- หนึ่งในสี่เป็นคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวกล้อง
- หลังอาหารควรเดินเบาๆ 10 – 15 นาทีเพื่อช่วยการย่อยและลดน้ำตาลในเลือด
มื้อเย็น (17:00 – 18:00 น.)
อาหารมื้อเย็นควรรับประทานก่อน 18:00 น. เพื่อให้ร่างกายมีเวลาย่อยอาหารก่อนนอน โดยเราขอแนะนำคุณผู้อ่านเป็นเมนูที่มีลักษณะ
- โปรตีนย่อยง่าย เช่น ปลา เต้าหู้
- ผักใบเขียว ที่มีแมกนีเซียมช่วยการนอนหลับ
- ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต เพื่อป้องกันน้ำหนักเพิ่ม
และแน่นอนว่าในยุคที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเร่งรีบ โดยเฉพาะในสังคมเมืองกรุงที่นอกจากความเร่งรีบเข้ามาเป็นตัวกำหนด การเผื่อระยะเวลาในการเดินทางกับพื้นถนนที่แออัด ทำให้การรับประทานอาหารในแต่ละวันของแต่ละท่านอาจไม่พอดี บางท่านอาจข้ามมื้อเช้าไปเลยทานมื้อบ่ายทีเดียว และบางท่านอาจได้อาหารไม่มีประโยชน์ เน้นกินง่าย สะดวก และไวต่อการเดินทางต่อ ซึ่งนี้ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดอาการวัยทองได้ รวมถึงการรับประทานสารอาหารที่ไม่ครบ เช่น ทานฟาสฟู๊ด อาหารน้ำตาลเยอะ ก็มีส่วนทำลายผิวพรรณได้เหมือนกัน
เพื่อคุณผู้อ่านมีสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้ดูแลตัวเองแบบเต็มที่ง่ายๆ เรามีอาหารเสริมสำหรับวัยทองมาแนะนำกันอีกแล้ว กับ “ดีเน่ ฟวาโวพลัส” DNAe Flavoplus ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบแคปซูล ที่ใช้สารสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ เพียงทานครั้งละ 1 แคปซูลหลังมืออาหารที่สะดวกเท่านั้น คุณก็เหมือนได้ดูลสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีสารสกัดที่สำคัญอย่างมากมาย อาทิ
- ถั่วเหลือง นำเข้าจากประเทศสเปน ที่ออกฤทธิ์เหมือนกับฮอร์โมนเอสโตรเจน นอกจากช่วยลดอาการร้อนวูบวาย หงุดหงิดง่ายแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเหี่ยวหย่นหรือผิวแห้งจนเกินไป
- Organic แครนเบอร์รี่ ช่วยให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส เพิ่มคอลลาเจน ผิวไม่แห้งง่าย ทำให้ผิวไม่เหี่ยวหย่นแก่ก่อนวัย
- ตังกุย ช่วยบำรุงเลือดในร่างกายให้ไหลเวียนไปเลี้ยงที่มดลูกได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มความเปล่งปลั่งให้แก่ผิวพรรณ มีน้ำมีนวล ลดอาการผิวแห้ง ผิวคัน
- แปะก๋วย เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปบำรุงสมอง ช่วยเพิ่มความจำ ลดอาการนอนไม่หลับ
- อินูลิน พรีไบโอติก ปรับสมดุลทางเดินอาหารและลำไส้ ดูดสารอาหารให้ผิวพรรณได้ดีขึ้น เสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่วัยทองได้ดี
จะเห็นได้ว่าสารสกัดต่างๆ เหล่านี้ ได้รวมมาให้คุณผู้อ่านแล้วใน 1 กระปุก สามารถเริ่มทานได้ตั้งแต่ก่อนหมดประจำเดือน และเข้าช่วงวัยทอง ที่สำคัญปลอดภัยหายห่วงเพราะได้มาตาฐานฮาลาล และผ่านการรับรองจาก อย. และล้วนแต่เป็นสารอาหารและวิตามิน(12/12)ที่แนะนำให้ทานในช่วงวัยทอง
อาหารที่ควรเลี่ยงเพื่อผิวพรรณและสุขภาพวัยทองที่ดี
เชื่อว่า…คุณผู้อ่านหลายท่านก็อาจเคยมีข้อสงสัยว่า อาหารที่เรารับประทานกันในแต่ละวันก็สามารถทำลายผิวพรรณของเราได้เช่นกันเหรอ อยากจะบอกว่าจริงแท้แน่นอน ซึ่งถ้าใครไม่อยากรับประทานอาหารแล้วทำลายผิวพรรณ แก่ก่อนวัย ลองนึกกันหน่อยว่าวันนี้เราได้ทานอาหารเหล่านี้เข้าไปบ้างรึเปล่า
1. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
รสเค็มจัด
- ทำให้เกิดการกักเก็บน้ำ เกิดอาการบวมตามร่างกาย
- เพิ่มความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง
- ส่งผลต่อการทำงานของไต
- ทำให้ผิวหมองคล้ำ ขาดความสดใส
รสหวานจัด
- เร่งกระบวนการไกลเคชัน ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ ผิวเหี่ยวย่น
- เพิ่มความเสี่ยงเบาหวาน
- ทำให้น้ำหนักเพิ่มง่าย
- กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย
2. อาหารแปรรูป
อาหารแปรรูปมักมีสารเคมีและไขมันทรานส์สูง ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพ
- ทำให้ระบบเผาผลาญแปรปรวน
- เพิ่มการอักเสบในร่างกาย
- ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยก่อนวัย
- รบกวนการทำงานของฮอร์โมน
3. เครื่องดื่มที่ควรจำกัด
แอลกอฮอล์
- ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ผิวแห้งกร้าน
- รบกวนการนอนหลับ
- ทำให้ระดับฮอร์โมนแปรปรวน
คาเฟอีน
- ควรดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน
- หลีกเลี่ยงการดื่มหลัง 14:00 น. เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับ
- ดื่มพร้อมอาหารเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะ
สรุป
นอกจากการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกหลักโภชนาการในการแต่ละวันที่ต้องได้รับสำหรับร่างกายแล้ว การเข้าใจเมื่อร่างกายเข้าสู่วัยทองก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณผู้อ่านควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการเข้าใจที่ถูกต้องจะทำให้คุณผู้อ่านรู้จักวิธีดูแล ป้องกัน และแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
และถ้าคุณผู้อ่านท่านใด อยากได้เคล็ดลับสาวสองพันปีเพื่อดูแลผิว (09/12) ทางเราก็เคยลงเขียนให้คุณผู้อ่านได้แล้วด้วย อย่าลืมลองอ่านและทำตามกันดูน้า