ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา…ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมสองประการที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก นั่นคือ “อากาศร้อนจัด” และ “ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กลุ่มวัยทอง” ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าวัยอื่นๆ เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและภูมิคุ้มกันที่ลดลง
และอย่างที่คุณผู้อ่านทราบกันดีว่า อากาศร้อนในประเทศไทยมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม อุณหภูมิในหลายพื้นที่สามารถสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
ในขณะเดียวกัน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่มีการเผาในพื้นที่การเกษตร และในเขตเมืองที่มีมลพิษจากยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรม ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมากเพียง 2.5 ไมครอน สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนลึก และเข้าสู่กระแสเลือดได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบและเป็นอันตรายต่อหลายระบบในร่างกาย
การเผชิญกับทั้งอากาศร้อนจัดและฝุ่น PM 2.5 พร้อมกัน จึงเป็นอีกหนึ่งความลำบากและต้องรีบป้องกันย่างยิ่งสำหรับกลุ่มวัยทอง แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและการเตรียมพร้อมที่ดี วัยทองก็สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ลองมาดูกันว่ารายละะเอียดของเรื่องนี้ทั้งสาเหตุ ปัญหา และสุขภาพที่วัยทองต้องพบเจอ พร้อมแนวทางการแก้ไขมีอะไรบ้าง?
อากาศร้อนกับผลกระทบต่อสุขภาพวัยทอง
อากาศร้อนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ทุกช่วงวัย แต่สำหรับวัยทองแล้ว ผลกระทบเหล่านี้อาจรุนแรงและเป็นอันตรายได้มากกว่า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เมื่อมีอายุที่มากยิ่งขึ้น
- ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนลดลง เมื่อวัยทองอายุมากขึ้น ต่อมเหงื่อจะทำงานได้น้อยลง ทำให้การระบายความร้อนผ่านการขับเหงื่อไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม วัยทองจึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะร้อนสะสมในร่างกาย
- ระบบไหลเวียนโลหิตเปลี่ยนแปลง เมื่ออายุมากขึ้นและก้าวเข้าสู่วัยทอง หลอดเลือดจะมีความยืดหยุ่นลดลง และหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อเผชิญกับอากาศร้อน ระบบไหลเวียนโลหิตจะทำงานหนักยิ่งขึ้นเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อวัยทองหรือผู้ที่มีปัญหาหัวใจและหลอดเลือดอยู่แล้ว
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ในผู้หญิงวัยทองการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ 06:10/67 ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นในสภาพอากาศที่ร้อนอยู่แล้ว จะยิ่งทำให้วัยทองรู้สึกทรมานและอาจนำไปสู่ภาวะร้อนเกินขนาดได้
- การรับรู้กระหายน้ำลดลง เมื่ออากาศร้อนมากขึ้นและวัยทองที่มีความรู้สึกกระหายน้ำที่ลดลง แม้ร่างกายจะขาดน้ำแล้วก็ตาม ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ ซึ่งจะยิ่งทวีความรุนแรงในสภาพอากาศร้อน
- การใช้ยาบางประเภท วัยทองมักมีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาความดันโลหิตสูง หรือยาแก้แพ้ อาจส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิร่างกายและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะร้อนเกินได้
ภาวะที่เกิดจากความร้อนในวัยทอง
วัยทองมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะต่างๆ จากความร้อน ดังนี้
- เพลียแดด เป็นภาวะที่ร่างกายของวัยทองสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากเกินไปจากการขับเหงื่อ อาการได้แก่ มึนงง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ปวดศีรษะ เหงื่อออกมาก ชีพจรเต้นเร็ว และผิวหนังเย็นชื้น
- ลมแดด 01:03/68 เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดจากร่างกายของวัยทองไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ เมื่อสภาพอากาศร้อนและอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส อาการได้แก่ สับสน พูดไม่ชัด ซึม ชัก หมดสติ ผิวแห้งและร้อน ไม่มีเหงื่อ ชีพจรเต้นเร็วและแรง
- เป็นลม ภาวะหน้ามืดเป็นลมจากการที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ มักเกิดเมื่ออยู่ในที่อากาศร้อนเป็นเวลานาน วัยทองต้องระวัง
- ตะคริว การหดเกร็งของกล้ามเนื้อที่เจ็บปวด มักเกิดหลังจากออกแรงในที่ร้อน เกิดจากการสูญเสียเกลือแร่ผ่านเหงื่อ ยิ่งอากาศร้อนแบบนี้ วัยทองควรเข้าร่างกายตนเองมากขึ้น
- ผื่นร้อน ผื่นแดงคันตามผิวหนังของวัยทอง เกิดจากเหงื่อไม่สามารถระเหยออกจากผิวหนังได้ มักพบบริเวณคอ หน้าอก ใต้ราวนม ข้อพับต่างๆ จากอากาศที่ร้อนจัด
ผลกระทบของอากาศร้อนต่อโรคประจำตัวในวัยทอง
อากาศร้อนยังส่งผลให้โรคประจำตัวที่พบบ่อยในวัยทองมีอาการรุนแรงขึ้น ได้แก่…
- โรคหัวใจและหลอดเลือด อากาศร้อนทำให้หัวใจของวัยทองต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อระบายความร้อน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- โรคความดันโลหิตสูง สภาพอากาศร้อนทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็วในวัยทองบางราย หรืออาจสูงขึ้นในบางราย ทำให้ควบคุมระดับความดันได้ยากขึ้น
- โรคเบาหวาน 15:03/68 อากาศร้อนอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลง และการขาดน้ำอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น นอกจากนี้ความร้อนยังอาจทำให้ยาอินซูลินเสื่อมสภาพเร็วขึ้น วัยทองควรระวังเป็นอย่างมาก
- โรคไต ภาวะขาดน้ำจากอากาศร้อนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตให้กับวัยทอง และทำให้การทำงานของไตแย่ลงในวัยทองหรือผู้ที่มีโรคไต
- โรคระบบทางเดินหายใจ อากาศร้อนมักมาพร้อมกับมลพิษทางอากาศที่สูงขึ้น ทำให้อาการของโรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังรุนแรงขึ้น วัยทองควรสังเกตอาการ
- ภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล อากาศร้อนอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้วัยทองมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ และอาจกระตุ้นอาการทางจิตเวชที่มีอยู่เดิมให้กำเริบได้
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของอากาศร้อนต่อสุขภาพของวัยทองเป็นสิ่งสำคัญ การตระหนักถึงความเสี่ยงและรู้จักสังเกตอาการผิดปกติในช่วงที่อากาศร้อนจัด จะช่วยให้วัยทองสามารถป้องกันและรับมือกับผลกระทบเหล่านี้ได้อย่างทันท่วงที
ฝุ่น PM 2.5 ภัยเงียบที่วัยทองควรระวัง
นอกจากปัญหาอากาศร้อนในประเทศไทยที่กำลังมีอุณหภูมิมากขึ้นในทุกๆ วันแล้ว ที่วัยทองควรต้องระมัดระวังร่างกายของตนเอง เรื่องของ “ฝุ่น PM 2.5” ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่วัยทองและคุณผู้อ่านที่ท่านควรให้ความสนใจ เพราะเป็นอันตรายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่อยู่ในวัยทอง
มาทำความเข้าใจกับเรื่องราวของ “ฝุ่น PM 2.5” กันให้มากขึ้น 06: 02/68
ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร?
“ฝุ่น PM 2.5” คือ ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือหากให้เปรียบเทียบก็มีความเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ประมาณ 25 เท่า ด้วยขนาดที่เล็กมากขนาดนี้ ทำให้ฝุ่น PM 2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจส่วนลึก และเข้าสู่กระแสเลือดของวัยทองได้อย่างง่ายดาย
โดยฝุ่น PM 2.5 มีแหล่งกำเนิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไอเสียรถยนต์ การเผาในที่โล่ง โรงงานอุตสาหกรรม และการก่อสร้าง ในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรหนาแน่น ระดับของฝุ่น PM 2.5 มักจะสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อสุขภาพในวัยทอง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ฝุ่น PM 2.5 ทำให้หลอดเลือดตีบและอักเสบส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคของวัยทอง เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง
- ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ในวัยทองซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 อาจทำให้เกิดการอักเสบของทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ หายใจลำบาก และอาจทำให้โรคเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มีอาการรุนแรงมากขึ้น
- ผลกระทบต่อระบบประสาท มีงานวิจัยที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 กับการเสื่อมของสมองที่เร็วขึ้น เพิ่มความเสี่ยงให้วัยทองต่อโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
- ระบบภูมิคุ้มกัน ฝุ่น PM 2.5 อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคภูมิแพ้
- กระดูกและข้อ ในวัยทองมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนสูงอยู่แล้ว การอักเสบทั่วร่างกายจากฝุ่น PM 2.5 อาจเร่งการสลายมวลกระดูกและเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกหัก
- ผิวหนัง ฝุ่นละอองสามารถเข้าไปอุดตันรูขุมขน และทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนัง ทำให้วัยทองมีผิวแห้ง เร่งความเสื่อมของผิว และอาจทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง
ซึ่งหากคุณผู้อ่านหรือวัยทองท่านใดมีอาการผิดปกติหลังจากสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 เช่น หายใจลำบาก ไอรุนแรง เจ็บหน้าอก วิงเวียนศีรษะ หรือมีอาการแพ้รุนแรง ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อทำการรักษา โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือโรคหัวใจ
รับมือ ป้องกัน สภาพอากาศร้อนและฝุ่น PM 2.5 วัยทองต้องรอด
การเตรียมพร้อมร่างกายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ช่วยให้วัยทองสามารถรับมือกับอากาศร้อนได้ดีขึ้น และเช่นเดียวกันหากคุณผู้อ่านรู้ไว้ ก็สามารถนำไปปรับใช้กับตนเองได้เหมือนกัน
วิธีป้องกันและรับมือสภาพอากาศร้อนสำหรับวัยทอง
1. การรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย
การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันปัญหาสุขภาพจากอากาศร้อน เนื่องจากวัยทองมักมีความรู้สึกกระหายน้ำลดลง จึงควรปฏิบัติดังนี้
- วัยทองควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 – 10 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 2 – 2.5 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายก็ตาม เพื่อรักษาน้ำในร่างกายของวัยทองในวันที่อากาศร้อน 05: 03/68
- วัยทองควรเพิ่มการดื่มน้ำเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งหรือออกกำลังกายในสภาพอากาศร้อน
- สังเกตสีปัสสาวะ ถ้าสีเข้มแสดงว่าร่างกายขาดน้ำ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และน้ำตาลสูง เนื่องจากอาจทำให้ร่างกายของวัยทองสูญเสียน้ำมากขึ้น
- แนะนำให้วัยทองพกขวดน้ำติดตัวเสมอเมื่อออกจากบ้าน
2. การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
นอกจากน้ำที่วัยทองต้องใส่ใจแล้ว อาหารก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของร่างกายในสภาพอากาศร้อนไม่แพ้กัน
- วัยทองควรรับประทานอาหารที่มีน้ำสูง เช่น แตงโม แตงกวา ส้ม สตรอเบอร์รี่ มะละกอ
- แนะนำให้วัยทองเพิ่มการบริโภคผักใบเขียว ซึ่งอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
- รับประทานอาหารในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่
- วัยทองควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพราะย่อยยากและทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักขึ้น
- เสริมอาหารที่มีเกลือแร่ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม โซเดียม เพื่อทดแทนเกลือแร่ที่สูญเสียไปกับเหงื่อ
3. การดูแลสุขภาพโดยรวม
อย่างที่คุณผู้อ่านทราบกันดีว่าสุขภาพที่ดีโดยรวม จะช่วยให้ร่างกายปรับตัวต่อความร้อนได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- วัยทองควรตรวจสุขภาพประจำปีและควบคุมโรคประจำตัวให้อยู่ในภาวะที่ดี
- แนะนำให้วัยทองพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อคืน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่หลีกเลี่ยงช่วงที่อากาศร้อนจัด
- ฝึกการหายใจอย่างถูกวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด
- ลดความเครียด ด้วยการทำสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมผ่อนคลายอื่นๆ
4. การจัดการกิจกรรมประจำวัน
เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอันตรายจากสภาพาอากศร้อนจัดในประเทศไทย วัยทองควรมีการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงจากความร้อน
- แนะนำให้วัยทองหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านในช่วงเวลาที่อากาศร้อนที่สุด (10.00 – 16.00 น.)
- วางแผนทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น
- วัยทองควรพักในร่ม หรือที่ร่มเงาเป็นระยะเ มื่อต้องอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศร้อน
- ลดกิจกรรมที่ใช้แรงมาก ในวันที่อากาศร้อนจัด
- วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการติดอยู่ในสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน
5. การแต่งกายที่เหมาะสม
การเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับวัยทอง สามารถช่วยระบายความร้อนและป้องกันผลกระทบจากแสงแดดในวันที่อากาศร้อนได้เป็นอย่างดี
- แนะนำให้วัยทองสวมเสื้อผ้าที่หลวม โปร่ง ระบายอากาศได้ดี ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน
- เลือกเสื้อผ้าสีอ่อน ซึ่งสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าสีเข้ม
- สวมหมวกปีกกว้างเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งในสภาพอากาศร้อน เพื่อปกป้องใบหน้า ศีรษะ และลำคอ
- ใช้ร่มหรือผ้าคลุมไหล่เพื่อบังแดด
- สวมแว่นกันแดดที่มีการป้องกันรังสี UV ได้ 100%
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปก่อนออกจากบ้าน และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
6. การใช้อุปกรณ์ช่วยระบายความร้อน
หากวัยทองหรือคุณผู้อ่านท่านใดที่จะต้องออกจากบ้านในวันที่อากาศร้อน การพกอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อระบายอากาศร้อน และลดอุณหภูมิให้กับร่างกาย ปัจจุบันมีอุปกรณ์หลายชนิดที่สามารถช่วยบรรเทาความร้อนได้
- แนะนำให้วัยทองพกพัดมือ หรือพัดไฟฟ้าขนาดเล็กติดตัว
- ใช้ผ้าเย็นหรือเจลเย็นวางบริเวณข้อพับ เช่น คอ ข้อศอก ข้อมือ ขาหนีบ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายในวันที่อากาศร้อน
- ใช้สเปรย์น้ำพ่นตัวเพื่อให้รู้สึกเย็นในวันที่อากาศร้อน
- แนะนำให้วัยทองสวมหมวกหรือผ้าพันคอที่ชุบน้ำหมาดๆ เพื่อช่วยระบายความร้อนจากศีรษะและลำคอ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
หากเกิดกรณีฉุกเฉินพบวัยทองท่านใดมีอาการเพลียแดด หรือกรณีลดแดด การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องและรวดเร็วอาจช่วยชีวิตผู้ประสบภาวะร้อนเกินได้ วัยทองควรรู้และเข้าใจไว้
กรณีเพลียแดด
- เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปในที่ร่ม เย็น มีอากาศถ่ายเทดี
- ให้นอนในท่าที่ศีรษะและไหล่สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย
- คลายเสื้อผ้าที่รัดแน่น
- ประคบเย็นบริเวณหน้าผากและลำตัว
- ให้จิบน้ำเย็น (ไม่ใช่น้ำแข็ง) หรือเครื่องดื่มเกลือแร่
- หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 30 นาที ให้รีบนำส่งโรงพยาบาล
กรณีลมแดด (ภาวะฉุกเฉิน)
- โทรเรียกรถพยาบาลทันที โทร. 1669
- เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปในที่ร่ม เย็น
- ลดอุณหภูมิร่างกายโดยเร็วที่สุด โดยการถอดเสื้อผ้า และใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณขาหนีบ ใต้วงแขน ต้นคอ และหน้าผาก
- อย่าให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหากหมดสติหรือมีอาการสับสน
- ตรวจสอบสัญญาณชีพอย่างต่อเนื่องจนกว่าความช่วยเหลือทางการแพทย์จะมาถึง
วิธีป้องกันฝุ่น PM 2.5 สำหรับวัยทอง
ฝุ่น PM 2.5 เป็นอันตรายต่อสุขภาพของวัยทอง การป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มาดูธีการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 สำหรับวัยทอง เพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น
1. การติดตามคุณภาพอากาศ
ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง แนะนำให้วัยทองมองหาและรับรู้ข้อมูลคุณภาพอากาศเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 วัยทองควรติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ
- ติดตามดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) แนะนำให้วัยทองตรวจสอบค่า AQI จากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษ หรือแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลคุณภาพอากาศ เช่น AirVisual, IQAir, Plume Air Report เป็นต้น ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
- ทำความเข้าใจค่าระดับความเสี่ยง วัยทองควรทราบค่า AQI ที่แบ่งเป็นระดับต่างๆ ตั้งแต่ดีมาก (0 – 25) ไปจนถึงอันตรายมาก (มากกว่า 300) วัยทองควรหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านเมื่อค่า AQI สูงกว่า 100
- ตั้งการแจ้งเตือน วัยทองควรตั้งค่าการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชันเมื่อคุณภาพอากาศแย่ลง เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนกิจกรรมประจำวันได้ทันท่วงที
- วางแผนกิจกรรมล่วงหน้า แนะนำให้วัยทองตรวจสอบพยากรณ์คุณภาพอากาศล่วงหน้า 1-2 วัน เพื่อวางแผนกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่คุณภาพอากาศดี
ป้องกันก่อนออกจากบ้าน
การป้องกันก่อนออกจากบ้านถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับวัยทอง โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูง และสภาพอากาศที่ร้อนจัด
- สวมหน้ากากที่มีประสิทธิภาพ
- วัยทองควรเลือกใช้หน้ากาก N95, KN95 หรือ KF94 ซึ่งสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- แนะนำให้วัยทองสวมหน้ากากให้พอดีกับใบหน้า ไม่ให้มีช่องว่างด้านข้าง
- เปลี่ยนหน้ากากตามคำแนะนำของผู้ผลิต หรือเมื่อหน้ากากสกปรกหรือชื้นเพื่อการป้องกันที่มีคุณภาพ
- สำหรับวัยทองหรือผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้หน้ากากที่เหมาะสม
- การดูแลผิวและเยื่อเมือก
- วัยทองควรล้างหน้าและมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสะอาด เพื่อกำจัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนผิวหนัง
- หยอดตาด้วยน้ำตาเทียม เพื่อลดการระคายเคืองและชะล้างฝุ่นละอองที่ตกค้างในดวงตา
- ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เพื่อช่วยกำจัดฝุ่นในโพรงจมูกของวัยทอง
- ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากมลพิษ
- การแต่งกาย
- แนะนำให้วัยทองสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายมิดชิด เพื่อลดการสัมผัสฝุ่นทางผิวหนัง
- วัยทองควรเลือกใช้เสื้อผ้าที่ทำจากเนื้อผ้าที่มีการถักทอแน่น แต่ระบายอากาศได้ดี
- สวมหมวกและแว่นตากันแดดเมื่อออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันฝุ่นละอองเข้าตา
- เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน และแยกซักต่างหาก
- การงดกิจกรรมกลางแจ้ง
- วัยทองควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูง
- หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน วัยทองควรเลือกช่วงเวลาที่มีฝุ่นน้อยที่สุด มักเป็นช่วงหลังฝนตกหรือช่วงเช้าตรู่
- ลดระยะเวลาที่อยู่กลางแจ้งให้น้อยที่สุด
- หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่นหรือพื้นที่ก่อสร้าง
อาหารและเครื่องดื่มสำหรับวัยทองในช่วงอากาศร้อนและมีฝุ่น
นอกจากการป้องกันจากภายนอกแล้ว ภายในก็มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างร่างกายของวัยทองให้มีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น อาหารและเครื่องดื่มจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบรรเทาผลกระทบจากอากาศร้อนและฝุ่น PM 2.5 สำหรับวัยทอง
การเลือกรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ร่างกายสามารถรับมือกับความร้อนได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยลดการอักเสบและความเสียหายที่เกิดจากฝุ่นละอองได้อีกด้วย
การเลือกอาหารเพื่อรับมือกับอากาศร้อนให้กับวัยทอง
- อาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง
- ผักใบเขียว เช่น ผักกาดหอม ผักบุ้ง ผักคะน้า มีปริมาณน้ำสูงถึง 90 – 95% ช่วยเพิ่มการไฮเดรตให้กับร่างกายของวัยทอง
- ผลไม้ที่มีน้ำมาก เช่น แตงโม แคนตาลูป ส้ม สับปะรด และมะละกอ นอกจากให้ความชุ่มชื้นแล้วยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อวัยทอง
- อาหารประเภทน้ำ แกงจืด ต้มยำ หรือซุปใส ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำและเกลือแร่ให้ร่างกาย
- อาหารที่มีเกลือแร่สูง
- โพแทสเซียม กล้วย มันฝรั่ง อโวคาโด ส้ม และผักใบเขียวเข้ม ช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและป้องกันการเป็นตะคริวจากความร้อน
- แมกนีเซียม ถั่วต่างๆ เมล็ดทานตะวัน ผักโขม ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท
- แคลเซียม นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย ผักคะน้า ช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อและการส่งสัญญาณประสาท
- อาหารที่ย่อยง่ายและให้พลังงานสม่ำเสมอ
- คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลเกรน ธัญพืชต่างๆ ให้พลังงานแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักในการย่อย
- โปรตีนคุณภาพดีในปริมาณพอเหมาะ เช่น ปลา เต้าหู้ ไข่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
- อาหารที่มีฤทธิ์เย็น ตามหลักโภชนาการแบบไทย-จีน
- ผักกาดขาว บวบ แตงกวา ฟัก ขี้เหล็ก เห็ดหูหนู สาหร่าย ช่วยดับความร้อนในร่างกาย
- ผลไม้จำพวกแตงต่างๆ ลูกพลับ ลิ้นจี่ มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกายของวัยทอง
อาหารเพื่อบรรเทาผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ให้วัยทอง
- อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
- ผักและผลไม้สีเข้ม เช่น บลูเบอร์รี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะเขือเทศ แครอท บรอกโคลี ผักใบเขียวเข้ม มีวิตามินซี วิตามินอี และแคโรทีนอยด์สูง
- ชาเขียว มีสารกลุ่มคาเทชินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบให้วัยทอง
- ขมิ้นชัน มีสารเคอร์คูมินที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยกำจัดสารพิษจากร่างกาย
- อาหารที่มีโอเมก้า-3 สูง
- ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน
- เมล็ดเจีย เมล็ดแฟลกซ์ (ลินิน) วอลนัท
- น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว
- อาหารที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ
- กระเทียม หอมใหญ่ หอมแดง กะหล่ำปลี บรอกโคลี่ กะหล่ำดอก
- มีสารประกอบกำมะถันที่ช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย
- อาหารที่มีฤทธิ์ช่วยล้างพิษและฟื้นฟูตับ
- ใบบัวบก มีสารที่ช่วยขับสารพิษและบำรุงตับ
- มะรุม อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ช่วยในการล้างพิษ
- รากบัว ช่วยดับพิษร้อนและเสริมการทำงานของปอด
- อาหารที่ช่วยฟื้นฟูระบบทางเดินหายใจ
- น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการไอ ระคายคอ
- ขิง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยขับเสมหะ
- มะขาม ช่วยขับเสมหะและลดอาการระคายคอ
เครื่องดื่มที่เหมาะสมในช่วงอากาศร้อนและมีฝุ่น
การเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงอากาศร้อนและมีฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากร่างกายของวัยทองอาจสูญเสียน้ำมากขึ้นและต้องการน้ำสะอาดเพื่อช่วยในการขับสารพิษนั่นเอง
- น้ำสะอาด
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 – 10 แก้วต่อวัน หรือ 2 – 2.5 ลิตร
- แนะนำให้วัยทองเพิ่มการดื่มน้ำให้มากขึ้นในช่วงอากาศร้อนจัด
- สังเกตสีปัสสาวะเพื่อตรวจสอบภาวะการขาดน้ำ (ควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส)
- น้ำสมุนไพร
- น้ำมะนาว ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพิ่มวิตามินซี และช่วยในการขับสารพิษ
- น้ำใบเตย มีฤทธิ์ขับปัสสาวะอ่อนๆ ช่วยในการระบายความร้อนให้แก่ร่างกายวัยทอง
- น้ำมะตูม ช่วยบำรุงปอดและระบบทางเดินหายใจ
- น้ำกระเจี๊ยบ อุดมด้วยวิตามินซีและแร่ธาตุ ช่วยลดความร้อนในร่างกายวัยทอง
- น้ำฝรั่ง มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ
- ชาสมุนไพร
- ชาเขียว อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- ชามะตูม ช่วยบำรุงปอดและระบบทางเดินหายใจ
- ชาขิง ช่วยบรรเทาอาการระคายคอและคัดจมูก
- ชาดอกคำฝอย ช่วยบำรุงหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
- ชาอู่หลง มีสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยในการเผาผลาญไขมัน
- เครื่องดื่มที่มีอิเล็กโทรไลต์
- น้ำมะพร้าว เป็นแหล่งของโพแทสเซียมและอิเล็กโทรไลต์ธรรมชาติ
- เครื่องดื่มเกลือแร่ ช่วยทดแทนแร่ธาตุที่สูญเสียไปจากการเหงื่อออกมาก
- น้ำขิงผสมน้ำผึ้งและเกลือเล็กน้อย ช่วยเพิ่มพลังงานและทดแทนเกลือแร่
การจัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดภัยจากความร้อนและฝุ่น
นอกจากร่างกายที่ต้องดูแล “บ้าน” ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับวัยทอง โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพอากาศภายนอกไม่เอื้ออำนวย ทั้งอากาศร้อนจัดและมีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูง การจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยปกป้องสุขภาพของวัยทอง
การควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน
การรักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้เย็นสบาย ไม่มีสภาพอากาศที่ร้อนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับวัยทอง เนื่องจากความสามารถในการปรับตัวต่ออุณหภูมิสูงลดลงตามวัย วิธีการควบคุมอุณหภูมิภายในบ้านที่มีประสิทธิภาพ เรามีมาแนะนำให้ดังนี้
- การติดตั้งและใช้เครื่องปรับอากาศอย่างเหมาะสม
- ติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องที่วัยทองใช้เวลาอยู่มากที่สุด เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น
- วัยทองควรตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 25 – 27 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่สบายแต่ไม่เย็นเกินไปจนอาจทำให้ปรับตัวไม่ทันเมื่อต้องออกไปข้างนอก
- แนะนำให้วัยทองทำความสะอาดและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและฝุ่น
- การใช้พัดลมเพื่อช่วยในการระบายอากาศร้อน
- แนะนำให้วัยทองใช้พัดลมร่วมกับเครื่องปรับอากาศเพื่อกระจายความเย็นให้ทั่วถึง และช่วยประหยัดพลังงาน
- การป้องกันสภาพอากาศร้อนจากภายนอก
- ติดม่านกันแสง ฟิล์มกรองแสง หรือมู่ลี่ที่หน้าต่าง โดยเฉพาะด้านที่โดนแดดโดยตรง
- ปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้านเพื่อให้ร่มเงาและลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน
- ทาสีบ้านด้วยสีอ่อนที่สะท้อนความร้อนได้ดี
- การปรับปรุงฉนวนกันความร้อน
- แนะนำให้วัยทองติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่หลังคาและผนังบ้าน เพื่อลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก
- เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติในการกันความร้อนได้ดี เช่น อิฐมวลเบา หรือกระจกสองชั้น
- การจัดการช่วงเวลาเปิด-ปิดหน้าต่างอย่างเหมาะสม:
- เปิดหน้าต่างในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงกลางคืนเมื่ออากาศเย็น เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาในบ้าน
- ปิดหน้าต่างและประตูในช่วงที่อากาศร้อนจัด หรือช่วงที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูง
การลดและกำจัดฝุ่น PM 2.5 ภายในบ้าน
นอกจากการควบคุมอุณหภูมิห้องไม่ให้เกิดสภาพอากาศที่ร้อนแล้ว การลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ภายในบ้านก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากวัยทองมักใช้เวลาอยู่ในบ้านมากกว่าวัยอื่น วิธีการลดและกำจัดฝุ่น PM 2.5 ภายในบ้าน มีดังนี้
- การติดตั้งและใช้เครื่องฟอกอากาศ
- แนะนำให้วัยทองเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM 2.5 โดยมีตัวกรอง HEPA
- วัยทองควรวางเครื่องฟอกอากาศในห้องที่ใช้งานบ่อย เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น
- แนะนำให้วัยทองเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอดเวลาในช่วงที่มีปริมาณฝุ่นสูง และทำความสะอาดหรือเปลี่ยนไส้กรองตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- การทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ แทนการปัดฝุ่น ซึ่งจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย
- แนะนำให้วัยทองใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีตัวกรอง HEPA ในการทำความสะอาดพื้น พรม และเฟอร์นิเจอร์
- ซักทำความสะอาดผ้าม่าน ปลอกหมอน และผ้าปูที่นอนอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น
- การสร้างพื้นที่กันชน
- วัยทองควรจัดให้มีพื้นที่หรือห้องสำหรับถอดรองเท้า เปลี่ยนเสื้อผ้า หรือทำความสะอาดร่างกายหลังจากออกไปข้างนอก เพื่อป้องกันไม่ให้นำฝุ่นเข้ามาในบ้าน
- วางพรมเช็ดเท้าที่ประตูทางเข้าเพื่อลดการนำฝุ่นจากรองเท้าเข้าบ้าน
- การเลือกใช้วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ลดการสะสมฝุ่น
- วัยทองควรหลีกเลี่ยงการใช้พรมปูพื้นทั้งห้อง เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมฝุ่นที่ทำความสะอาดยาก
- เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นผิวเรียบ ทำความสะอาดง่าย ลดการสะสมของสิ่งของที่ไม่จำเป็น ซึ่งเป็นแหล่งสะสมฝุ่น
- การใช้อุปกรณ์ควบคุมความชื้น
- ดูแลให้บ้านมีความชื้นที่เหมาะสมเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น
- ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศในช่วงที่อากาศแห้ง
- ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความชื้นสูงเกินไป เช่น น้ำรั่วซึม หรือการระบายอากาศไม่ดี ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดเชื้อรา
การใช้เทคโนโลยีสมาร์ทโฮมเพื่อจัดการสภาพแวดล้อม
หากคุณผู้อ่านหรือวัยทองท่านใดเป็นคนไม่ทันเทคโนโลยี จะบอกว่าเทคโนโลยีสมาร์ทโฮมสมัยนี้ใช้งานง่าย และยังสามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดการสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมสำหรับวัยทอง
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศและอุณหภูมิ:
- ติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และอุณหภูมิภายในบ้าน
- เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อแจ้งเตือนเมื่อค่าต่างๆ เกินระดับที่ปลอดภัย
- ระบบควบคุมอัตโนมัติ:
- ตั้งค่าให้เครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศทำงานโดยอัตโนมัติตามค่าที่วัดได้จากเซ็นเซอร์
- ควบคุมระบบม่านและมู่ลี่อัตโนมัติตามช่วงเวลาของวัน เพื่อลดความร้อนจากแสงแดด
- แอปพลิเคชันติดตามสภาพอากาศและคุณภาพอากาศ:
- ใช้แอปพลิเคชันที่รายงานสภาพอากาศและปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ใกล้เคียง
- วางแผนกิจกรรมนอกบ้านตามข้อมูลที่ได้รับ
ยาและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากอากาศร้อนและฝุ่น
และในช่วงที่ร่างกายของวัยทองต้องเผชิญกับสภาวะอากาศร้อนและฝุ่น PM 2.5 วัยทองอาจพิจารณาใช้ยาและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาอื่นๆ อยู่แล้ว
ยาที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากอากาศร้อน
1. ยาลดไข้และแก้ปวด
อากาศร้อนจัดอาจทำให้วัยทองเกิดอาการปวดศีรษะหรือมีไข้จากภาวะเพลียแดด การใช้ยาพาราเซตามอลในขนาดที่เหมาะสม สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน เนื่องจากอาจทำให้วัยทองเกิดภาวะขาดน้ำมากขึ้นและส่งผลต่อการทำงานของไตในสภาพอากาศร้อน
2. ผลิตภัณฑ์เกลือแร่
เมื่อร่างกายของวัยทองสูญเสียเหงื่อมากในอากาศร้อน จะมีการสูญเสียเกลือแร่สำคัญไปด้วย ผลิตภัณฑ์เกลือแร่ทดแทนในรูปแบบผงละลายน้ำหรือเครื่องดื่มเกลือแร่สำเร็จรูปจะช่วยทดแทนโซเดียม โพแทสเซียม และแร่ธาตุอื่นๆ ที่สูญเสียไป ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ได้
3. ยารักษาโรคประจำตัว
วัยทองที่มีโรคประจำตัวควรให้ความสำคัญกับการรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะยารักษาโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และโรคหัวใจ เนื่องจากอากาศร้อนอาจทำให้อาการของโรคเหล่านี้กำเริบได้ง่าย ทั้งนี้ อาจจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยาให้เหมาะสมในช่วงที่อากาศร้อนจัด
ยาที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5
1. ยาพ่นขยายหลอดลม
สำหรับวัยทองหรือผู้ที่มีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคหอบหืด การสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 อาจกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบได้ ยาพ่นขยายหลอดลมทั้งชนิดออกฤทธิ์เร็ว (เช่น ซาลบูทามอล) และชนิดออกฤทธิ์ยาว (เช่น ฟอร์โมเทอรอล) สามารถช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบากได้ โดยควรพกติดตัวเสมอในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูง
2. ยาต้านฮิสตามีน
ฝุ่น PM 2.5 อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา ยาต้านฮิสตามีนทั้งชนิดที่ทำให้ง่วงนอน (เช่น คลอร์เฟนิรามีน) และชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอน (เช่น เซทิริซีน ลอราทาดีน) สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ โดยอาจเลือกใช้ยาชนิดที่ไม่ทำให้ง่วงนอนในช่วงกลางวัน
3. ยาสเตียรอยด์ชนิดพ่น
สำหรับวัยทองหรือผู้ที่มีอาการแพ้หรือหอบหืดรุนแรงจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 แพทย์อาจพิจารณาสั่งยาสเตียรอยด์ชนิดพ่น เช่น บูดีโซไนด์ หรือฟลูติคาโซน เพื่อลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งช่วยป้องกันการกำเริบของโรคได้
4. ยาลดน้ำมูก
ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้คัดจมูก เช่น ยากลุ่มซูโดอีเฟดรีน หรือกลุ่มเฟนิลเอฟรีน อาจช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกที่เกิดจากการแพ้ฝุ่น PM 2.5 ของวัยทองได้ แต่ควรใช้อย่างระมัดระวังในผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 3-5 วัน เพื่อป้องกันอาการคัดจมูกกำเริบหลังหยุดยา
5. น้ำเกลือล้างจมูก
แม้ไม่ใช่ยาโดยตรง แต่น้ำเกลือล้างจมูกเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการชะล้างฝุ่นละอองที่ติดค้างในโพรงจมูกของวัยทองได้ ซึ่งจะช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบได้ โดยสามารถใช้ได้วันละ 2 – 3 ครั้ง หรือทุกครั้ง หลังกลับจากภายนอกอาคารในช่วงที่มีฝุ่นสูง
ท่ามกลางสภาวะอากาศร้อนและวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ที่เผชิญในประเทศไทยแบบนี้ วัยทองเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่เกิดขึ้นตามวัย ทั้งระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง การทำงานของปอดที่ลดประสิทธิภาพ และความเสี่ยงจากโรคประจำตัวที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสัมผัสกับมลพิษทางอากาศและอุณหภูมิสูง
แน่นอนว่าเราก็มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดีๆ มากแนะนำอีกเช่นเคยกับ ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) อาหารเสริมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของวัยทอง โดยรวบรวมสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติหลากหลายช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และสนับสนุนระบบต่างๆ ในร่างกายที่อาจได้รับผลกระทบจากความร้อนและมลพิษด้วยสารสกัดธรรมชาติ 6 ชนิดที่ทำงานเสริมกันเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะอากาศร้อนและฝุ่น PM 2.5
- 1. สารสกัดจากถั่วเหลือง
ถั่วเหลือง อุดมด้วยไอโซฟลาโวน ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน สำหรับสตรีวัยทองที่เผชิญกับอาการร้อนวูบวาบ สารสกัดจากถั่วเหลืองช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ ทำให้ร่างกายสามารถรับมือกับอากาศร้อนภายนอกได้ดีขึ้น
- 2. สารสกัดจากตังกุย
ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน บำรุงเลือด และช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น ในช่วงอากาศร้อน การไหลเวียนเลือดที่ดีจะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในตังกุยยังช่วยปกป้องหลอดเลือดจากความเสียหายที่อาจเกิดจากอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่เข้าสู่กระแสเลือด
- 3. สารสกัดจากแปะก๊วย
มีคุณสมบัติเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังสมองและอวัยวะส่วนปลาย ช่วยปรับปรุงความจำและการทำงานของระบบประสาท ในวัยทองที่เผชิญกับอากาศร้อนและฝุ่น PM 2.5 สารสกัดจากแปะก๊วยช่วยป้องกันเซลล์ประสาทจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ และช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงปอดและสมองได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายมีออกซิเจนที่เพียงพอแม้ในสภาวะที่อากาศมีมลพิษ
- 4. สารสกัดจากงาดำ (15 มิลลิกรัม)
งาดำ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูงและยังมีแคลเซียม วิตามินอี และแร่ธาตุอื่นๆ ที่สำคัญต่อสุขภาพกระดูกซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับวัยทอง โดยเฉพาะผู้หญิงที่เสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน
- 5. ออร์แกนิค แครนเบอร์รี่ (95 มิลลิกรัม)
แครนเบอร์รี่ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบสูง ในช่วงวัยทองที่มีความเสี่ยงต่อโรคทางเดินปัสสาวะ แครนเบอร์รี่ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินซีในแครนเบอร์รี่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งสำคัญมากในช่วงที่อากาศร้อนและมีฝุ่น PM 2.5 ที่อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- 6. อินูลิน พรีไบโอติก
อินูลิน เป็นเส้นใยละลายน้ำที่ทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในลำไส้ ระบบลำไส้ที่แข็งแรงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ซึ่งจำเป็นในการต่อสู้กับผลกระทบจากมลพิษและความเครียดจากความร้อน
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
และ ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของร่างกายในช่วงวัยทองของคุณผู้ชาย โดยรวบรวมสารสกัดธรรมชาติ 7 ชนิดที่มีคุณสมบัติเสริมกัน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากสภาวะแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์ พร้อมทั้งฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบต่างๆ ในร่างกาย พร้อมทั้งช่วยต้านทานผลกระทบจากอากาศร้อนและฝุ่น PM 2.5
- 1. สารสกัดจากโสมเกาหลี
ในภาวะอากาศร้อนจัดและมีฝุ่น PM 2.5 สูง โสมเกาหลีช่วยเสริมภูมิคุ้มกันที่กำลังเสื่อมถอยในวัยทอง ทำให้ร่างกายต้านทานต่อสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจที่อาจเกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 และช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับตัวของร่างกายต่อความเครียดจากความร้อนซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงที่อุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส
- 2. สารสกัดจากฟีนูกรีก
ฟีนูกรีก มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยต้านทานความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากมลพิษทางอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 ที่เข้าสู่กระแสเลือด
- 3. แอล อาร์จีนีน
กรดอะมิโน ที่ช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงอากาศร้อนที่ระบบไหลเวียนโลหิตต้องทำงานหนักเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย การไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้นยังช่วยให้ร่างกายกำจัดสารพิษจากฝุ่น PM 2.5 ที่เข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ แอล อาร์จีนีนยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในวัยทองและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในช่วงที่มีมลภาวะทางอากาศสูง
- 4. สารสกัดกระชายดำ
สมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจซึ่งเป็นความเสี่ยงสำคัญในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 สูง สารสกัดกระชายดำยังช่วยเพิ่มพลังงานและความสดชื่น ลดความเหนื่อยล้าจากความร้อน ซึ่งพบบ่อยในวัยทองที่อยู่ในสภาพอากาศร้อนต่อเนื่อง
- 5. ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลท
ซิงค์ เป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทในการเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงที่ร่างกายของวัยทองต้องต่อสู้กับมลพิษทางอากาศ รูปแบบคีเลทช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น การศึกษาพบว่าซิงค์ช่วยบรรเทาความรุนแรงของการอักเสบในระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5 และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเยื่อบุทางเดินหายใจ ซึ่งมักแห้งและระคายเคืองในช่วงอากาศร้อนและมีฝุ่นละออง
- 6. สารสกัดจากแปะก๊วย
แปะก๊วย มีคุณสมบัติในการขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ช่วยป้องกันภาวะสมองขาดออกซิเจนเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อนจัด อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเซลล์ประสาทจากความเสียหายที่อาจเกิดจากสารพิษในฝุ่น PM 2.5 ที่เข้าสู่กระแสเลือด
- 7. สารสกัดจากงาดำ
อุดมไปด้วยแคลเซียม เหล็ก และวิตามินอี ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกในวัยทองที่เริ่มมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน สารต้านอนุมูลอิสระในงาดำช่วยต้านทานความเสียหายของเซลล์จากมลพิษ และช่วยชะลอวัยของผิวหนังที่มักแห้งและระคายเคืองในช่วงอากาศร้อนและมีฝุ่นละออง
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) และ ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) เป็นทางเลือกสำหรับวัยทองที่ต้องการเสริมการป้องกันและลดผลกระทบจากอากาศร้อนและฝุ่น PM 2.5 ด้วยส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตอบโจทย์ความท้าทายสองเท่าที่วัยทองต้องเผชิญทั้งจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและสภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
คุณผู้อ่านสามารถดูแลตัวเองง่ายๆ ด้วยการทานครั้ง 1 แคปซูล หลังมื้ออาหารใดก็ตาม ตามด้วยน้ำเปล่า เพียงเท่านี้ร่างกายของคุณก็ได้รับการเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้วัยทองสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพแม้ในช่วงวิกฤตสิ่งแวดล้อม
สรุป
การป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับวัยทอง ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบทางสุขภาพอย่างรุนแรง การป้องกันที่ครอบคลุมทั้งการติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศ การป้องกันส่วนบุคคล การจัดการสภาพแวดล้อมภายในบ้าน การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และการมีแผนรับมือสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว จะช่วยให้วัยทองผ่านพ้นช่วงวิกฤตฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างปลอดภัย
ในการรับมือกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 วัยทองควรให้ความสำคัญกับการป้องกันมากกว่าการรักษา การเตรียมพร้อมและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ จะช่วยลดความเสี่ยงจากผลกระทบทางสุขภาพ และช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพแม้ในช่วงที่คุณภาพอากาศไม่ดี อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด