ปัจจุบัน วัยทองปอดพัง จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่น่ากังวลอย่างมาก ถึงแม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกที่ “ปลอดภัยกว่า” สำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ธรรมดาก็ตาม แต่ความเป็นจริงกลับพบว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายไม่แพ้บุหรี่ทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทองที่ร่างกายไม่สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วเหมือนคนหนุ่มสาว
เนื่องจากช่วงวัย 45 – 55 ปี หรือที่เรียกกันว่า “วัยทอง” เป็นช่วงเวลาสำคัญของชีวิตที่ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ฮอร์โมนเริ่มลดลง กล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแอ และระบบภูมิคุ้มกันเริ่มทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนในวัยหนุ่มสาว ในช่วงวัยทองนี้…การดูแลสุขภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินหายใจของวัยทองที่มีความเปราะบางมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร? ทำไมถึงได้รับความนิยมในกลุ่มวัยทอง
บุหรี่ไฟฟ้า หรือที่วัยรุ่นหนุ่มสาวชอบเรียกว่า พอต เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยแบตเตอรี่ ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สูดไอระเหยที่มีนิโคตินและสารปรุงแต่งต่างๆ แทนการสูดควันจากการเผาไหม้ของยาสูบเหมือนบุหรี่ทั่วไป
ขณะเดียวกันบุหรี่ไฟฟ้ามีหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบที่มีลักษณะคล้ายบุหรี่ธรรมดา (cigalikes) ไปจนถึงอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่สามารถปรับแต่งได้ (mod) ซึ่งมาพร้อมกับน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (e-liquid หรือ vape juice) ที่มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ และมีกลิ่นให้เลือกที่หลากหลาย ไม่ส่งกลิ่นเหม็นเหมือนกับบุหรี่ทั่วไป นี่จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้วัยทองที่สูบบุหรี่ทั่วไป หันมานิยมบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ทำไมบุหรี่ไฟฟ้าจึงได้รับความนิยมในกลุ่มวัยทอง?
- ความเชื่อว่าปลอดภัยกว่า หลายคนในวัยทองเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ยาสูบ จึงคิดว่าจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคปอด ทำให้กลุ่มวัยทองปอดพังมีแนวโน้มหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น
- ถูกนำเสนอว่าเป็นเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ คนวัยทองจำนวนมากที่สูบบุหรี่มาหลายสิบปีต้องการเลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น บุหรี่ไฟฟ้าถูกนำเสนอว่าเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้น ทำให้วัยทองหลายคนเปลี่ยนจากบุหรี่ธรรมดามาเป็นบุหรี่ไฟฟ้านั่นเอง
- ความหลากหลายของรสชาติ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีรสชาติหลากหลาย ตั้งแต่รสผลไม้ ขนมหวาน ไปจนถึงรสคล้ายบุหรี่ดั้งเดิม ทำให้วัยทองรู้สึกว่ามีทางเลือกมากขึ้นและสามารถเพลิดเพลินกับการสูบได้มากกว่า
- การยอมรับทางสังคม บุหรี่ไฟฟ้ามักถูกมองว่ามีความเป็นมิตรต่อสังคมมากกว่าบุหรี่ธรรมดา เนื่องจากกลิ่นไม่ติดตัวและไม่มีควันที่รบกวนผู้อื่นมากนัก ทำให้วัยทองรู้สึกสบายใจที่จะใช้ในที่สาธารณะหรือแม้แต่ในบ้านมากขึ้นนั้นเอง
- การตลาดที่มุ่งเป้า บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ามีการทำการตลาดที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มวัยทองที่ต้องการเลิกบุหรี่ โดยนำเสนอว่าเป็นทางเลือกที่ “ทันสมัย” และ “ปลอดภัยกว่า” สำหรับวัยทองที่ต้องการดูแลสุขภาพจากการสูบบุหรี่
- ความสะดวกในการใช้งาน บุหรี่ไฟฟ้าบางรุ่นมีการออกแบบให้ใช้งานง่าย ไม่ต้องเติมน้ำยาบ่อย และพกพาสะดวก ทำให้วัยทองที่อาจมีปัญหาเรื่องสายตาหรือการเคลื่อนไหวของมือสามารถใช้งานได้ไม่ยุ่งยาก
อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มวัยทองกลับนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะปัญหา วัยทองปอดพัง จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ ซึ่งจะอธิบายในหัวข้อถัดไป
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มวัยทอง
ในหมู่กลุ่มคนวัยทอง ต่างมีความเชื่อผิดๆ มากมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ วัยทองปอดพัง โดยไม่รู้ตัว เราจึงรวบรวมข้อมูลมาทำความเข้าใจกับความเชื่อเหล่านี้และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันมากยิ่งขึ้น!
1. บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา
- ความเชื่อ วัยทองและผู้สูงอายุหลายคนเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีการเผาไหม้ยาสูบ จึงไม่ก่อให้เกิดสารพิษเหมือนบุหรี่ธรรมดา ทำให้อาการ วัยทองปอดพัง หรือโฆษณาที่รณรงค์จะไม่เกิดขึ้น
- ความจริง แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะไม่มีการเผาไหม้ยาสูบตามที่วัยทองหลายท่านยกขึ้นมา แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ากลับมีสารเคมีอันตรายหลายชนิด รวมถึงนิโคติน ฟอร์มาลดีไฮด์ สารอะโครลีน และโลหะหนัก เช่น นิกเกิล ตะกั่ว ซึ่งเมื่อเข้าสู่ปอดของวัยทองที่มีความเปราะบางจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอยู่แล้ว จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ วัยทองปอดพัง อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้ายังสามารถทำลายเซลล์เยื่อบุปอดและรบกวนการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันของวัยทองปอดได้อีกด้วย
2. บุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกบุหรี่ได้
- ความเชื่อ ผู้สูงอายุและวัยทองจำนวนมากเชื่อว่าการเปลี่ยนจากบุหรี่ธรรมดามาใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยให้ร่างกายค่อยๆ ลดการพึ่งพานิโคตินและในที่สุดจะสามารถเลิกบุหรี่ได้
- ความจริง งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าวัยทองที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ มักจะกลายเป็นผู้ใช้ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าควบคู่กันไป ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพมากกว่าการใช้ชนิดใดชนิดหนึ่งเพียงอย่างเดียว และยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิด วัยทองปอดพัง อย่างรุนแรง นอกจากนี้ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าบางชนิดมีปริมาณนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ธรรมดา ทำให้การเสพติดรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในวัยทองที่ร่างกายขจัดสารพิษได้ช้ากว่าวัยรุ่น
3. ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเพียงไอน้ำที่ไม่มีอันตราย
- ความเชื่อ วัยทองหลายคนเข้าใจผิดว่าควันหรือไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเพียงไอน้ำธรรมดาที่ไม่มีอันตรายต่อปอด
- ความจริง ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้เป็นแค่เพียงไอน้ำบริสุทธิ์ แต่เป็นละอองของสารเคมีและสารปรุงแต่งต่างๆ ที่เมื่อสูดเข้าไปจะตกค้างในปอด จากการศึกษาพบว่าอนุภาคละอองเหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าไปในส่วนลึกของปอดและก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของ วัยทองปอดพัง โดยเฉพาะในวัยทองที่มีปอดเสื่อมสภาพตามวัยอยู่แล้ว
4. การสูบบุหรี่ไฟฟ้านานๆ ครั้งไม่เป็นอันตราย
- ความเชื่อ ผู้สูงอายุและวัยทองบางคนคิดว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพียงบางครั้งบางคราวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพปอด
- ความจริง แม้การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นครั้งคราวอาจมีความเสี่ยงน้อยกว่าการสูบประจำ แต่สำหรับผู้สูงอายุและวัยทองที่ปอดมีความเปราะบางอยู่แล้ว แม้การสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและนำไปสู่ปัญหา วัยทองปอดพัง ได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง
5. น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีนิโคตินปลอดภัย
- ความเชื่อ ในวัยทองบางคนเชื่อว่าหากเลือกใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีนิโคติน (nicotine-free e-liquid) จะปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพปอด
- ความจริง แม้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่มีนิโคติน แต่ยังคงมีสารเคมีอื่นๆ เช่น สารปรุงแต่งกลิ่นรส โพรพิลีนไกลคอล (PG) และกลีเซอรีน (VG) ซึ่งเมื่อถูกทำให้ร้อนและกลายเป็นไอ จะสร้างสารประกอบใหม่ที่เป็นพิษต่อปอดในวัยทอง สารเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินหายใจ การอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่ภาวะ วัยทองปอดพัง ได้
ความเชื่อและความจริงอาจไม่ช่วยให้ได้เห็นภาพเท่าที่ควร เรามาลองดูความแตกต่างของบุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ธรรมดาที่ขายตามท้องตลาดกัน
ความแตกต่างระหว่างผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่ธรรมดาในผู้สูงอายุวัยทอง
แม้บุหรี่ไฟฟ้าอาจมีสารพิษบางชนิดน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา แต่ก็มีความแตกต่างและความเสี่ยงเฉพาะตัวที่ผู้สูงอายุและวัยทองควรทราบ
1. ความแตกต่างด้านองค์ประกอบทางเคมี
- สารทาร์และมอนอกไซด์ บุหรี่ไฟฟ้ามีสารทาร์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ น้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา ซึ่งอาจทำให้มีผลกระทบต่อการขนส่งออกซิเจนในเลือดน้อยกว่า
- สารเคมีชนิดอื่น แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะไม่มีการเผาไหม้ แต่กลับมีสารเคมีบางชนิดที่ไม่พบในบุหรี่ธรรมดา เช่น สารให้ความชุ่มชื้น (humectants) อย่างโพรพิลีนไกลคอลและกลีเซอรีน ซึ่งเมื่อถูกความร้อนจะกลายเป็นสารพิษอื่น เช่น อะโครลีน และฟอร์มาลดีไฮด์
- ความเข้มข้นของนิโคติน บุหรี่ไฟฟ้าบางรุ่นมีความเข้มข้นของนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ธรรมดามาก ทำให้ผู้สูงอายุและวัยทองได้รับนิโคตินมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด 05:12/67 รุนแรงกว่า
2. ความแตกต่างด้านผลกระทบต่อปอด
- การกระจายตัวของสารพิษ ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้ามีอนุภาคขนาดเล็กกว่าควันบุหรี่ธรรมดา ทำให้สามารถเดินทางลึกเข้าไปในปอดของผู้สูงอายุและวัยทองได้มากกว่า การกระจายตัวในถุงลมปอดได้ทั่วถึงกว่า ทำให้ผู้สูงอายุและวัยทองที่มีความยืดหยุ่นของถุงลมลดลงอยู่แล้ว อนุภาคเหล่านี้จึงมีโอกาสตกค้างในปอดได้นานกว่า
- รูปแบบการอักเสบ บุหรี่ธรรมดามักก่อให้เกิดการอักเสบแบบเรื้อรังในหลอดลมใหญ่ก่อน ในขณะที่บุหรี่ไฟฟ้ามักก่อให้เกิดการอักเสบของถุงลมปอดโดยตรง (alveolitis) ซึ่งอาจนำไปสู่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังรูปแบบต่างกัน
- ระยะเวลาในการเกิดผลกระทบ โรคปอดจากบุหรี่ธรรมดามักใช้เวลาหลายสิบปีจึงจะแสดงอาการชัดเจน แต่จากการศึกษาล่าสุดพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสมรรถภาพปอดภายในเวลาเพียง 2 – 3 ปี โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและวัยทองที่ปอดมีความเปราะบางอยู่แล้ว
3. ความแตกต่างด้านการรับรู้และพฤติกรรมการใช้
- รูปแบบการสูบ ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามักสูบบ่อยครั้งกว่าและสูดลึกกว่าผู้สูบบุหรี่ธรรมดา เนื่องจากไม่มีจุดสิ้นสุดที่ชัดเจนเหมือนการสูบบุหรี่จนหมดมวน ทำให้ได้รับสารพิษสะสมมากขึ้น
- การเข้าถึงและความสะดวก บุหรี่ไฟฟ้าสามารถใช้ได้ในที่ที่ห้ามสูบบุหรี่ธรรมดา เนื่องจากไม่มีควันที่มองเห็นได้ชัดเจน ทำให้ผู้สูงอายุและวัยทองอาจใช้บุหรี่ไฟฟ้าบ่อยครั้งขึ้น ส่งผลให้ได้รับสารพิษมากขึ้น
- ความเข้าใจผิดเรื่องความปลอดภัย ผู้สูงอายุและวัยทองมักเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัย ทำให้ขาดความระมัดระวังและใช้มากเกินไป เกิดภาวะ วัยทองปอดพัง เร็วกว่าที่คาดการณ์
จากการสำรวจของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขพบว่า วัยทองและผู้สูงอายุที่เปลี่ยนจากบุหรี่ธรรมดามาใช้บุหรี่ไฟฟ้ามักใช้บุหรี่ไฟฟ้าบ่อยกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดาถึง 40% โดยมักอ้างว่าเพราะรู้สึกว่าปลอดภัยกว่า
วัยทองปอดพัง ผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้า
คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า… ระบบทางเดินหายใจของผู้ที่อยู่ในวัยทองอายุประมาณ 45 – 55 ปี จะมีความเปราะบางมากกว่าวัยอื่นๆ เนื่องจากมีการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อเพิ่มการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไป ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ วัยทองปอดพัง อย่างรุนแรง
วันนี้เรารวบรวมผลกระทบเพื่อให้ทุกท่านได้มาทำความเข้าใจกับผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อระบบทางเดินหายใจในกลุ่มคนวัยทองเพิ่มมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของปอดในวัยทอง
ก่อนที่ทุกท่านจะเข้าใจผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า อยากให้คุณผู้อ่านต้องเข้าใจก่อนว่าปอดของคนในวัยทองมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติอย่างไร เมื่อมนุษย์อายุมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวัยทอง (45-55 ปี) ปอดจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงหลายประการ คือ
- กล้ามเนื้อทรวงอกอ่อนแอลง ทำให้ความสามารถในการขยายตัวของปอดลดลง ส่งผลให้ความจุปอดลดลงประมาณ 10 – 20% ในวัยทองเมื่อเทียบกับวัยหนุ่มสาว
- ความยืดหยุ่นของถุงลมปอดลดลง ทำให้ถุงลมของวัยทองอาจเกิดการยุบตัวได้ง่ายขึ้น
- จำนวนเส้นเลือดฝอยลดลง ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ของวัยทองมีประสิทธิภาพลดลง
- ระบบภูมิคุ้มกันเริ่มอ่อนแอ ทำให้ความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อหรือขจัดสิ่งแปลกปลอมในกลุ่มวัยทองนั้นลดลง
- การทำงานของขนกวัดในหลอดลมลดลง ขนกวัดมีหน้าที่กวาดฝุ่นและเมือกออกจากทางเดินหายใจ เมื่อประสิทธิภาพการทำงานลดลงในช่วงวัยทอง สารพิษต่างๆ จึงเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น
เมื่อปอดมีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว การเพิ่มความเสี่ยงด้วยการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงยิ่งทำให้เกิดภาวะ วัยทองปอดพัง ได้รวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น
กลไกการทำลายปอดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มวัยทอง
1. การอักเสบของระบบทางเดินหายใจ
ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยสารระคายเคืองหลายชนิด เช่น โพรพิลีนไกลคอล (PG) และกลีเซอรีน (VG) ซึ่งเมื่อเข้าสู่ทางเดินหายใจจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ในวัยทองที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สมดุลอยู่แล้ว การอักเสบนี้มักไม่สามารถลดลงได้เองเหมือนในช่วงวัยหนุ่มสาว แต่จะกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้ทางเดินหายใจตีบแคบลง หายใจลำบาก และเกิดภาวะ วัยทองปอดพัง ในที่สุด
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า วัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีระดับสารบ่งชี้การอักเสบ (inflammatory markers) ในเลือดสูงกว่าในวัยทองและผู้สูงอายุที่ไม่สูบถึง 3 – 4 เท่า ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการอักเสบทั่วร่างกาย รวมถึงในปอดด้วย
2. ทำลายเยื่อบุทางเดินหายใจ
น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีสารอะโครลีน (acrolein) ที่เกิดจากการให้ความร้อนแก่กลีเซอรีน สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนเยื่อบุทางเดินหายใจอย่างรุนแรง เมื่อเซลล์เยื่อบุถูกทำลาย ปอดจะสูญเสียการป้องกันตามธรรมชาติ ทำให้เชื้อโรคและสารพิษเข้าสู่เนื้อปอดได้ง่ายขึ้น และในวัยทอง ผู้สูงอายุ เซลล์เยื่อบุนี้ฟื้นตัวได้ช้ากว่าคนวัยหนุ่มสาวมาก จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด วัยทองปอดพัง และการติดเชื้อในปอด
3. ทำลายถุงลมปอด
ไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้าประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กมากที่สามารถเดินทางลึกเข้าไปถึงถุงลมปอด (alveoli) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่บอบบางที่สุดของปอด อนุภาคเหล่านี้ทำลายผนังถุงลม ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์ นำไปสู่โรคถุงลมปอดโป่งพอง (emphysema) ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของ วัยทองปอดพัง ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
จากการศึกษาในประเทศไทยพบว่า… วัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อการเกิดถุงลมปอดโป่งพองเร็วกว่าคนวัยเดียวกันที่ไม่สูบถึง 5 – 7 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการเร่งกระบวนการเสื่อมของปอดอย่างมีนัยสำคัญ
4. เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในปอด
การสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในปอดของวัยทองทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะเซลล์แมโครฟาจ (macrophages) ซึ่งทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมในปอด เมื่อแมโครฟาจทำงานผิดปกติ วัยทองจะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อในปอด เช่น ปอดอักเสบ หรือวัณโรค ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
5. เร่งให้เกิดพังผืดในปอด
การอักเสบเรื้อรังในปอดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างพังผืด (fibrosis) ในเนื้อปอด ทำให้ปอดแข็งและขยายตัวได้น้อยลง ส่งผลให้ความจุปอดลดลงและกระทบต่อการแลกเปลี่ยนก๊าซ เมื่อเกิดพังผืดในปอดแล้วจะไม่สามารถรักษาให้กลับเป็นปกติได้ ผู้ป่วยจะมีอาการ วัยทองปอดพัง อย่างถาวร ต้องพึ่งพาออกซิเจนเสริมในระยะยาว
ผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับวัยทองปอดพังจากบุหรี่ไฟฟ้า
การศึกษาจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ในปี 2023 ได้ติดตามผู้สูงอายุวัยทอง 500 คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่า
- 68% มีการลดลงของค่าสมรรถภาพปอด (FEV1 และ FVC) เร็วกว่าที่ควรจะเป็นตามอายุถึง 2 เท่าของวัยทอง
- 42% พัฒนาอาการของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
- 29% มีการเปลี่ยนแปลงในภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) แสดงให้เห็นถึงการอักเสบเรื้อรังและการเกิดพังผืดในปอดของวัยทอง
- 18% ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการกำเริบของโรคทางเดินหายใจอย่างน้อย 1 ครั้ง
ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุและวัยทอง พร้อมยังสามารถนำไปสู่ภาวะ วัยทองปอดพัง ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าปอดของคนในวัยนี้มีการเสื่อมสภาพตามธรรมชาติอยู่แล้ว
นอกจากนี้ผู้สูงอายุและวัยทองบางกลุ่มยังมีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษที่จะเกิดภาวะ วัยทองปอดพัง จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าภายปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดวัยทองปอดพังจากบุหรี่ไฟฟ้า
- ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อน เนื่องจากปอดมีความเสียหายสะสมอยู่แล้ว การเพิ่มความเสียหายจากบุหรี่ไฟฟ้าจะยิ่งทำให้เกิดปัญหารุนแรงขึ้นสำหรับวัยทอง
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว โดยวัยทองที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ซึ่งส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดไปที่ปอด
- ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้หรือหอบหืด วัยทองที่มีปัญหาเรื่องของระบบทางเดินหายใจที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นอยู่แล้วจะยิ่งตอบสนองรุนแรงต่อสารระคายเคืองในบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น
- ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ วัยทองท่านใดที่ได้รับมลพิษจากการทำงานร่วมกับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเพิ่มความเสี่ยงทวีคูณ
- ผู้ที่มีประวัติโรคปอดในครอบครัว วัยทองบางคนมีพันธุกรรมที่ทำให้ปอดเปราะบางต่อความเสียหายมากกว่าคนอื่น
การตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้ผู้สูงอายุวัยทองและครอบครัวเข้าใจถึงความเสี่ยงที่แท้จริงของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ วัยทองปอดพัง ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพโดยรวมของวัยทอง
นอกจากผลกระทบโดยตรงต่อปอดที่นำไปสู่ภาวะ วัยทองปอดพัง แล้ว บุหรี่ไฟฟ้ายังส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของวัยทองและผู้สูงอายุในหลายระบบของร่างกาย เหตุผลเพราะว่าวัยทองเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาหลายประการ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่รุนแรง
1. ผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด
บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดของวัยทองและผู้สูงอายุอย่างมีนัยสำคัญ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นและเพิ่มความดันโลหิต ในขณะที่สารอนุมูลอิสระจากไอระเหยทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดหนาตัวและแข็ง ในวัยทองและผู้สูงอายุที่หลอดเลือดเริ่มเสื่อมสภาพอยู่แล้ว การสูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดอย่างมีนัยสำคัญ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง การที่หลอดเลือดแข็งตัวและตีบแคบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ร่วมกับการเพิ่มขึ้นของการแข็งตัวของเลือด (blood clotting) เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดที่อาจไปอุดตันหลอดเลือดในสมอง ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความพิการและเสียชีวิตในวัยทองและผู้สูงอายุ
- รบกวนการทำงานของหัวใจ นิโคตินและสารเคมีอื่นๆ ในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถรบกวนจังหวะการเต้นของหัวใจของวัยทองและผู้สูงอายุ ทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (arrhythmia) ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตในผู้สูงอายุและวัยทองที่มีโรคหัวใจอยู่แล้ว
งานวิจัยจากสมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศไทยพบว่า ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 1.7 เท่า แม้จะไม่สูงเท่ากับผู้ที่สูบบุหรี่ธรรมดา (2.4 เท่า) แต่ก็ยังถือว่ามีความเสี่ยงสูงอย่างมีนัยสำคัญ
2. ผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน
ระบบภูมิคุ้มกันในผู้สูงอายุและวัยทองมีประสิทธิภาพลดลงตามธรรมชาติอยู่แล้ว การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายิ่งส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้นนั้นเอง
- กดการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน สารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้ากดการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันหลายชนิด ทั้งเซลล์นิวโทรฟิล (neutrophils) และเซลล์ลิมโฟไซต์ (lymphocytes) ทำให้ความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคของวัยทองและผู้สูงอายุลดลง
- เพิ่มการอักเสบทั่วร่างกาย บุหรี่ไฟฟ้ากระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังแบบทั่วร่างกาย (systemic inflammation) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอัลไซเมอร์ 08: 02/68 ที่พบเจอได้ในผู้สูงอายุและวัยทอง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อทั้งในระบบทางเดินหายใจและระบบอื่นๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดต่อ เพราะระบบทางเดินหายใจมีความอ่อนแอ
การศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่พบว่า ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีอัตราการติดเชื้อทางเดินหายใจสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 30% และมีระยะเวลาการฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยยาวนานกว่าเฉลี่ย 3 – 5 วัน
3. ผลกระทบต่อระบบประสาท
ระบบประสาทของผู้สูงอายุและวัยทองมีความเปราะบางเป็นพิเศษต่อสารพิษในบุหรี่ไฟฟ้า
- เร่งการเสื่อมของเซลล์สมอง นิโคตินและสารพิษอื่นๆ ในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถเร่งการเสื่อมของเซลล์สมอง ซึ่งอาจนำไปสู่ความบกพร่องทางความคิดความจำ (cognitive impairment) ก่อนวัยอันควรในผู้สูงอายุและวัยทองได้
- เพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อม การศึกษาพบความเชื่อมโยงระหว่างการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในผู้สูงอายุและวัยทองกับการเพิ่มความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม รวมถึงโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากการอักเสบเรื้อรังและการที่สมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
- ส่งผลต่อการหลับ นิโคตินเป็นสารกระตุ้นประสาทที่สามารถรบกวนคุณภาพการนอนหลับ ทำให้ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีปัญหาหลับไม่สนิทหรืออาการนอนไม่หลับ 10:12/67 ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมต่อไปในอนาคต
การศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาที่นำมาประยุกต์ใช้กับประชากรไทยพบว่า ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 2 ปี มีคะแนนการทดสอบความจำและการทำงานของสมองต่ำกว่าผู้ที่ไม่สูบในกลุ่มอายุเดียวกัน
4. ผลกระทบต่อระบบฮอร์โมน
วัยทองเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอย่างมาก การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายิ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้รุนแรงมากยิ่งขึ้น
- รบกวนสมดุลฮอร์โมนเพศ ในผู้หญิงวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าสามารถเร่งการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้อาการวัยทอง เช่น อาการร้อนวูบวาบ 01:11/67 หงุดหงิดง่าย และการนอนไม่หลับรุนแรงยิ่งขึ้น
- ส่งผลต่อฮอร์โมนเกี่ยวกับความเครียด บุหรี่ไฟฟ้าสามารถรบกวนการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น คอร์ติซอล ทำให้ผู้สูงอายุและวัยทองมีความไวต่อความเครียดมากขึ้น
- ผลต่อฮอร์โมนอินซูลิน สารในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถลดความไวต่ออินซูลิน (insulin sensitivity) ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในผู้สูงอายุและวัยทอง โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว
การวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า ผู้หญิงวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีอาการวัยทองรุนแรงกว่าและต้องการการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนในนขนาดที่สูงกว่าผู้หญิงวัยทองที่ไม่สูบ
5. ผลกระทบต่อกระดูกและข้อ
ผู้สูงอายุและวัยทองมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน 07: 12/67 และปัญหาข้ออักเสบอยู่แล้ว การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายิ่งเพิ่มความเสี่ยงเหล่านี้
- เร่งการสูญเสียมวลกระดูก สารพิษในบุหรี่ไฟฟ้ารบกวนการทำงานของเซลล์สร้างกระดูก และเพิ่มการทำงานของเซลล์ทำลายกระดูกของผู้สูงอายุและวัยทอง ทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกเร็วขึ้น
- เพิ่มความเสี่ยงกระดูกหัก เมื่อมวลกระดูกลดลง ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจึงมีความเสี่ยงต่อกระดูกหักสูงขึ้น โดยเฉพาะกระดูกสะโพก ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะพิการและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
- เพิ่มการอักเสบของข้อ สารในบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มการอักเสบทั่วร่างกาย รวมถึงในข้อต่อ ทำให้ผู้ที่มีโรคข้ออักเสบอยู่แล้วมีอาการรุนแรงขึ้น และอาจเร่งการเสื่อมของข้อในผู้ที่ยังไม่มีอาการ
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นพบว่า ผู้หญิงวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความหนาแน่นของกระดูก ต่ำกว่าผู้ที่ไม่สูบประมาณ 3 – 5% ซึ่งเพียงพอที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อกระดูกหักอย่างมีนัยสำคัญ
สัญญาณเตือนว่าวัยทองกำลังมีปัญหาปอดจากบุหรี่ไฟฟ้า
ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าควรสังเกตสัญญาณเตือนต่างๆ ที่อาจบ่งชี้ว่ากำลังมีปัญหาปอดหรือระบบทางเดินหายใจ การรู้จักสัญญาณเตือนเหล่านี้จะช่วยให้สามารถพบปัญหาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งอาจช่วยป้องกันหรือชะลอความเสียหายที่รุนแรงต่อปอดได้นั้นเอง
ลองมาเช็คดูกันว่า…ขณะที่คุณผู้อ่านกำลังอ่านอยู่นี่ เราเคยมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับตนเองหรือไม่?
1. อาการทางระบบหายใจที่ผิดปกติ
- ไอเรื้อรังที่ไม่หายขาด การที่วัยทองหรือผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำและมีอาการไอต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 2 – 3 สัปดาห์ โดยไม่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย อาจเป็นสัญญาณแรกของการอักเสบเรื้อรังในทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นไอแห้งๆ หรือมีเสมหะสีเหลืองหรือเขียว
- หายใจติดขัดหรือหายใจลำบาก หากวัยทองหรือผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าพบว่าตนเองรู้สึกหายใจไม่สะดวก หรือต้องพยายามหายใจมากกว่าปกติ แม้ในขณะทำกิจกรรมเบาๆ เช่น เดินระยะสั้นๆ หรือทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เป็นสัญญาณว่าปอดกำลังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- เสียงวี้ดในทรวงอกเวลาหายใจ หากเกิดเสียงวี้ดหรือเสียงหวีดในขณะหายใจ โดยเฉพาะเวลาหายใจออก บ่งชี้ถึงการตีบแคบของหลอดลม ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบหรือการระคายเคืองจากสารในบุหรี่ไฟฟ้า
- แน่นหน้าอก หากวัยทองหรือผู้สูงอายุมีความรู้สึกอึดอัดหรือแน่นหน้าอกที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะหลังจากสูบบุหรี่ไฟฟ้า อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบในปอดหรือหลอดลม
2. การเปลี่ยนแปลงของสมรรถภาพร่างกาย
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ การที่วัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ รู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรงเร็วกว่าปกติ แม้ในการทำกิจกรรมที่เคยทำได้อย่างสบาย เช่น การเดินขึ้นบันได การทำงานบ้าน หรือการเดินระยะทางที่เคยเดินได้โดยไม่เหนื่อย อาจเป็นสัญญาณว่าปอดกำลังทำงานได้ไม่ดี
- ความทนทานลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากสังเกตเห็นว่าความสามารถในการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ ของวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีความลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเวลาไม่กี่เดือน อาจเป็นสัญญาณของการสูญเสียสมรรถภาพปอด
- ต้องหยุดพักบ่อยขึ้น การต้องหยุดพักเพื่อหายใจระหว่างทำกิจกรรมที่เคยทำได้ต่อเนื่อง เป็นสัญญาณว่าปอดไม่สามารถรับออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจบ่อยครั้ง
- เป็นหวัดหรือไข้หวัดใหญ่บ่อยกว่าปกติ หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีการติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจบ่อยครั้งกว่าคนอื่นในวัยเดียวกัน อาจเป็นสัญญาณว่าระบบภูมิคุ้มกันในปอดกำลังทำงานได้ไม่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า
- การติดเชื้อลุกลามเป็นภาวะแทรกซ้อนบ่อยครั้ง หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำ จะพบว่าอาการหวัดธรรมดามักลุกลามเป็นหลอดลมอักเสบหรือปอดบวม แสดงว่าระบบทางเดินหายใจกำลังอ่อนแอและไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การฟื้นตัวจากการติดเชื้อช้ากว่าปกติ หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำต้องใช้เวลานานกว่าคนอื่นในการฟื้นตัวจากหวัดหรือการติดเชื้อทางเดินหายใจ อาจเป็นสัญญาณว่าปอดกำลังทำงานได้ไม่เต็มที่
4. การเปลี่ยนแปลงของเสมหะ
- มีเสมหะมากขึ้น หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีเสมหะหรือน้ำมูกในปริมาณที่มากขึ้นอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะในตอนเช้าหลังตื่นนอน เป็นสัญญาณของการอักเสบในทางเดินหายใจ
- เสมหะเปลี่ยนสี หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีเสมหะที่มีสีเหลือง เขียว หรือน้ำตาล บ่งชี้ถึงการอักเสบหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หากเกิดขึ้นต่อเนื่องโดยไม่มีการติดเชื้อเฉียบพลัน อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบเรื้อรัง
- ไอมีเลือดปน หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีอาการไอและมีเลือดปนในเสมหะ แม้จะเป็นปริมาณเล็กน้อย เป็นสัญญาณเตือนที่รุนแรงที่ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์โดยเร็วที่สุด
5. ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
- การนอนหลับถูกรบกวน หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีอาการไอในตอนกลางคืน หรือการตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกหายใจไม่สะดวก อาจเป็นสัญญาณของปัญหาปอดจากบุหรี่ไฟฟ้า
- ความอยากอาหารลดลง หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีปัญหาทางเดินหายใจเรื้อรังสามารถส่งผลต่อความอยากอาหาร ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงและอาจนำไปสู่การลดลงของน้ำหนักตัวโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ความสามารถในการพูดลดลง หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำต้องหยุดพักเพื่อหายใจระหว่างการพูดประโยคยาวๆ หรือรู้สึกเหนื่อยหลังจากการสนทนาปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าปอดกำลังทำงานได้ไม่ดี
6. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่สังเกตได้
- ริมฝีปากหรือเล็บเขียวคล้ำ หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีสีเขียวคล้ำที่ริมฝีปาก ปลายนิ้ว หรือเล็บ (ภาวะที่เรียกว่า cyanosis) เป็นสัญญาณของการขาดออกซิเจนในเลือด ซึ่งอาจเกิดจากปอดทำงานผิดปกติ
- บวมที่ข้อเท้าหรือขา หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีอาการบวมที่ข้อเท้าหรือขาทั้งสองข้างอาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลวด้านขวา ซึ่งอาจเป็นผลมาจากโรคปอดเรื้อรัง
- น้ำหนักลดโดยไม่ตั้งใจ หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีน้ำหนักลดลงตัวอย่างมีนัยสำคัญโดยไม่ได้พยายามลดน้ำหนัก อาจเป็นสัญญาณของโรคปอดรุนแรงที่ทำให้ร่างกายต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการหายใจ
7. ผลการตรวจทางการแพทย์ที่ผิดปกติ
- ค่าสมรรถภาพปอดลดลง ผลการตรวจสมรรถภาพปอดที่แสดงค่า FEV1 (ปริมาตรอากาศที่เป่าออกได้ใน 1 วินาทีแรก) หรือค่า FVC (ความจุปอดสูงสุด) ต่ำกว่าค่าปกติหรือลดลงเมื่อเทียบกับการตรวจครั้งก่อน เป็นสัญญาณของความผิดปกติในการทำงานของปอด
- ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ การวัดระดับออกซิเจนในเลือดด้วยเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ที่แสดงค่าต่ำกว่า 95% อาจบ่งชี้ถึงปัญหาในการแลกเปลี่ยนก๊าซที่ปอด
- ผลเอกซเรย์หรือซีทีสแกนปอดผิดปกติ ภาพถ่ายรังสีทรวงอกหรือภาพซีทีสแกนที่แสดงความผิดปกติ เช่น พังผืด การอักเสบ หรือการโป่งพองของถุงลมปอด เป็นหลักฐานยืนยันว่ามีความเสียหายต่อเนื้อปอดแล้ว
8. อาการรุนแรงที่ต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- หายใจลำบากเฉียบพลัน หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีอาการหอบหรือหายใจลำบากอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นทันทีทันใด ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
- เจ็บหน้าอกรุนแรง หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงที่อาจร้าวไปที่แขน คอ หรือขากรรไกร อาจเป็นสัญญาณของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งอาจเป็นผลแทรกซ้อนจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับการเสื่อมของปอด
- สับสนหรือมึนงงผิดปกติ หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีภาวะสับสน มึนงง หรือซึมลงผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการขาดออกซิเจนในสมองเนื่องจากปอดทำงานล้มเหลว
- หมดสติ หากพบว่าวัยทองและผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำมีการหมดสติหรือรู้สึกว่ากำลังจะหมดสติ เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที
การรู้จักและสังเกตสัญญาณเตือนเหล่านี้จะช่วยให้ผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าสามารถค้นพบปัญหาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การหยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้าทันทีเมื่อพบสัญญาณเตือนและการปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันภาวะ “วัยทองปอดพัง” ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
ดังนั้น อยากให้คุณผู้อ่านที่กำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าหันมาใส่ใจตนเองมากขึ้น ด้วยการลด ละ เลิก และปรับเปลี่ยนมารับประทานอาหารเสริมที่มีคุณภาพ และมีประโยชน์ต่อร่างกายแทนที่ดีกว่า ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้ต้องบอกว่าสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้สูงอายุและวัยทองหลายท่านมากๆ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นโดยคุณหมอ และเภสัชกรที่มีความเชี่ยวชาญในประเทศไทยนั้นเอง
ดีเน่ แอนโดรพลัส (DNAe Androplus) สูตรสำหรับคุณผู้ชาย กับการปกป้องและฟื้นฟูสำหรับวัยทองยุคใหม่ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูระบบทางเดินหายใจที่ได้รับผลกระทบจากสารพิษสมัยใหม่ ในยุคที่มลพิษอากาศ บุหรี่ไฟฟ้า และสารระคายเคืองต่างๆ คุกคามสุขภาพปอดของคนวัยทอง ดีเน่ แอนโดรพลัส คือทางเลือกเพื่อการปกป้องและฟื้นฟูอย่างเป็นธรรมชาติมาพร้อมกับ 7 สารสกัดธรรมชาติเพื่อปกป้องและฟื้นฟูปอดวัยทอง พร้อมบรรเทาอาการวัยทองที่อาจพบเจอได้
- สารสกัดจากโสมเกาหลี ลดการอักเสบเรื้อรังในปอดที่เกิดจากสารระคายเคืองในบุหรี่ไฟฟ้า เช่น โพรพิลีนไกลคอล (PG) และกลีเซอรีน (VG) ช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่เป็นสาเหตุหลักของ “วัยทองปอดพัง” งานวิจัยพบว่าสารกินเซนนอยด์ในโสมเกาหลีช่วยลดระดับสารบ่งชี้การอักเสบในเลือดได้ถึง 28%
- สารสกัดจากฟีนูกรีก มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเซลล์เยื่อบุทางเดินหายใจจากการถูกทำลายโดยสารอะโครลีน (acrolein) ในบุหรี่ไฟฟ้า ช่วยให้เซลล์เยื่อบุที่ฟื้นตัวช้าในวัยทองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น
- แอล อาร์จีนีน กรดอะมิโนที่ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังปอด ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยบรรเทาอาการหายใจลำบากที่พบบ่อยในวัยทองและผู้สูงอายุที่สัมผัสกับบุหรี่ไฟฟ้า
- สารสกัดกระชายดำ สมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเซลล์แมโครฟาจ ในปอดที่ถูกรบกวนจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในปอดซึ่งพบว่าสูงกว่าถึง 2.3 เท่าในผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า
- ซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลท แร่ธาตุสำคัญที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยต้านอนุมูลอิสระ งานวิจัยพบว่าซิงค์ช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของการติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า
- สารสกัดจากแปะก๊วย มีสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบที่ช่วยปกป้องถุงลมปอดจากการถูกทำลายโดยอนุภาคขนาดเล็กในบุหรี่ไฟฟ้า งานวิจัยพบว่าสารสกัดแปะก๊วยช่วยชะลอการเกิดถุงลมปอดโป่งพอง (emphysema) ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของ “วัยทองปอดพัง” ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในผู้สูงอายุและวัยทอง
- สารสกัดจากงาดำ อุดมด้วยกรดไขมันและสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดพังผืดในปอด ซึ่งเป็นผลกระทบระยะยาวจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในวัยทอง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เพิ่มขึ้นถึง 1.7 เท่าในผู้สูงอายุและวัยทองที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
นอกจากประโยชน์ต่อระบบทางเดินหายใจ ดีเน่ แอนโดรพลัส ยังช่วย ปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ที่อ่อนแอลงจากวัยและสารพิษในบุหรี่ไฟฟ้า ปกป้องสมองและระบบประสาท และช่วยสมดุลระบบฮอร์โมน ที่เปลี่ยนแปลงในวัยทอง ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบและหงุดหงิดง่าย
เพียงรับประทานวันละ 1 แคปซูล หลังอาหารมื้อใดก็ได้ ดีเน่ แอนโดรพลัส ให้ปอดของคุณได้หายใจอย่างเต็มที่อีกครั้ง แม้ในวัยที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง
และ ดีเน่ ฟลาโวพลัส (DNAe Flavoplus) สูตรของคุณผู้หญิงวัยทอง ให้สดใส ปอดแข็งแรง ห่างไกลสารพิษ นวัตกรรมการฟื้นฟูและปกป้องสำหรับสตรีวัยทองยุคใหม่ที่ต้องเผชิญกับมลพิษทางเดินหายใจ ในยุคที่สตรีวัยทองต้องเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและสิ่งแวดล้อมเต็มไปด้วยมลพิษ โดยเฉพาะจากบุหรี่ไฟฟ้าที่แพร่หลายในสังคมปัจจุบัน
ดีเน่ ฟลาโวพลัส จึงถูกคิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งสมดุลฮอร์โมนและการปกป้องระบบทางเดินหายใจอย่างครบวงจร ด้วยพลังสารสกัด 6 ชนิดเพื่อปกป้องวัยทองอย่างครบวงจร
- สารสกัดจากถั่วเหลืองนำเข้าจากประเทศสเปน อุดมด้วยไอโซฟลาโวนที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ช่วยบรรเทาอาการวัยทองได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ไอโซฟลาโวนยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ช่วยปกป้องเยื่อบุทางเดินหายใจจากการระคายเคืองของสารในบุหรี่ไฟฟ้า เช่น โพรพิลีนไกลคอล (PG) และกลีเซอรีน (VG) ที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในปอด
- สารสกัดจากตังกุย สมุนไพรจีนที่มีประวัติการใช้ยาวนานในการรักษาอาการของสตรี มีคุณสมบัติปรับสมดุลฮอร์โมนและช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ และหงุดหงิดง่าย นอกจากนี้ ตังกุยยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด ซึ่งส่งเสริมการนำออกซิเจนไปยังปอดและเนื้อเยื่อต่างๆ ทำให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูจากความเสียหายที่เกิดจากสารพิษในบุหรี่ไฟฟ้าได้ดีขึ้น
- สารสกัดจากแปะก๊วย หนึ่งในสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ช่วยปกป้องเซลล์ปอดจากการถูกทำลายโดยอนุภาคขนาดเล็กในบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปสู่สมอง ปกป้องระบบประสาทจากการเสื่อมสภาพที่เร่งตัวในสตรีวัยทองที่สัมผัสกับบุหรี่ไฟฟ้า
- สารสกัดจากงาดำ แหล่งของกรดไขมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะโอเมก้า – 3, 6 และ 9 ที่ช่วยลดการอักเสบทั่วร่างกาย รวมถึงในระบบทางเดินหายใจ งาดำมีสารเซซามินและเซซาโมลิน ที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยชะลอการเกิดพังผืดในปอดจากการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นในผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นเวลานาน
- ออร์แกนิค แครนเบอร์รี่ ด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มแอนโทไซยานินที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ โดยเฉพาะในระบบทางเดินปัสสาวะและทางเดินหายใจ แครนเบอร์รี่เป็นที่รู้จักในการช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อยในสตรีวัยทอง แต่ยังมีประโยชน์ในการช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในปอดซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 2.3 เท่าในผู้สูงอายุและวัยทองที่สัมผัสกับบุหรี่ไฟฟ้า
- อินูลิน พรีไบโอติก ใยอาหารพิเศษที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพลำไส้และระบบภูมิคุ้มกัน เป็นที่ทราบกันดีว่าสุขภาพลำไส้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับระบบภูมิคุ้มกันทั่วร่างกาย รวมถึงในปอด พรีไบโอติกช่วยสนับสนุนการเจริญของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้ ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้สูงอายุและวัยทองทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
*ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมหรือหลังอาหารมื้อที่สะดวกเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ควรรับประทานอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน ดีเน่ ฟลาโวพลัส ปกป้องวัยทอง เสริมสร้างสมดุลฮอร์โมน ฟื้นฟูปอดจากภัยบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกวัน
สรุป
ภาวะ วัยทองปอดพัง จากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยเงียบที่คุกคามคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุวัยทองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของปอดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในวัยนี้ บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่ธรรมดา และไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการเลิกบุหรี่ในผู้สูงอายุ
การเลิกบุหรี่ไฟฟ้าในวัยทองอาจเป็นความท้าทาย แต่ความพยายามในการเลิกบุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงแต่ช่วยชะลอหรือหยุดยั้งภาวะ “วัยทองปอดพัง” เท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม คุณภาพชีวิต และความยืนยาวของชีวิต การตัดสินใจเลิกบุหรี่ไฟฟ้าในวันนี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับสุขภาพในวันข้างหน้า ฝากให้คุณผู้อ่านที่ยังคงสูบได้คิดไตร่ตรองอีกครั้ง